ไทยป่วยเพิ่ม 819 ราย ติดเชื้อในประเทศ 808 ราย ทั่วโลกสะสม 100.82 ล้านราย ขณะที่ ศบค. เตรียมพิจารณาเปิดโรงเรียน-สปา-ฟิตเนส พร้อมขยายเวลานั่งทานถึง 5 ทุ่ม ยกเว้นสมุทรสาคร
...............................................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 27 ม.ค.2564 เวลา 11.30 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) แถลงสถานการณ์ประจำวัน โดยพบผู้ป่วยรายใหม่ 819 ราย แบ่งเป็นการติดเชื้อในประเทศ 808 ราย เกิดจากระบบเฝ้าระวังและระบบริการฯ 92 ราย เกิดจากการค้นหาเชิงรุกและพบการติดเชื้อในชุมชน 716 ราย และอีก 11 รายเดินทางกลับมาจากต่างประเทศ รวมผู้ป่วยสะสม 15,465 ราย หายป่วยเพิ่ม 162 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 4,335 ราย และเสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมสะสม 76 ราย
สำหรับผู้เสียชีวิต เป็นชายไทยอายุ 56 ปี มีโรคประจำตัวคือโรคหลอดเลือดสมองตีบ ซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง โดยมีอาการเหนื่อย หอบ มีเสมหะมาก ตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค.2564 ซึ่งแพทย์ได้ใส่เครื่องช่วยหายใจและส่งตรวจหาเชื้อโควิด พร้อมนำผู้ป่วยเข้าห้องแยกความดันลบ ผลการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ ทั้งนี้อาการยังไม่ดีขึ้น และเสียชีวิตในที่สุด
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อในประเทศ 808 ราย กระจายอยู่ในพื้นที่คงเดิม 63 จังหวัด มีประวัติไปสถานที่เสี่ยงหรือมีอาชีพเสี่ยง 14 ราย ประกอบด้วย กทม. 6 ราย สมุทรสงคราม 1 ราย เพชรบุรี 1 ราย นนทบุรี 1 ราย นราธิวาส 1 ราย ปทุมธานี 1 ราย อ่างทอง 1 ราย สมุทรปราการ 1 ราย และจันทบุรี 1 ราย โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนโรค ประกอบด้วย สมุทรสาคร 78 ราย
ขณะที่พบผู้ติดเชื้อจากการค้นหาเชิงรุกในชุมชน 716 ราย ราย ประกอบด้วย สมุทรสาคร 714 ราย ระยอง 1 ราย และสมุทรปราการ 1 ราย
ส่วนผู้ป่วยรายใหม่ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 11 ราย ประกอบด้วย สหราชอาณาจักร 3 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย อิหร่าน 1 ราย โปแลนด์ 1 ราย สาธารณรัฐโมซัมบิก 1 ราย บาห์เรน 1 ราย สวีเดน 2 ราย และอินโดนีเซีย 1 ราย
จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ 10 จังหวัดสะสมสูงสุด ระหว่างวันที่ 18 ธ.ค.2563 - 27 ม.ค.2564 ประกอบด้วย สมุทรสาคร 7,186 ราย กทม. 727 ราย ชลบุรี 648 ราย ระยอง 577 ราย สมุทรปราการ 338 ราย จันทบุรี 221 ราย นนทบุรี 160 ราย อ่างทอง 112 ราย ปทุมธานี 86 รายและนครปฐม 77 ราย
@ชง ศบค.ลดพื้นที่คุมเข้มโควิด - เปิดโรงเรียน - ให้นั่งกินในร้านถึง 5 ทุ่ม
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวถึงความคืบหน้าการประชุม ศบค.ชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมเตรียมข้อเสนอแผนแนวปฏิบัติเพื่อผ่อนคลายมาตราการการระบาดของโควิดระลอกใหม่ โดยมีประเด็นหลักอยู่ด้วยกัน 3 เรื่อง คือ 1.การขยายระยะเวลาการนั่งรับประทานอาหารหรือเครื่องดื่มในร้าน 2.การเล่นดนตรีสด และ 3.การเตรียมการเปิดสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะดำเนินการในรูปแบบเหมือนเดิม คือต้องมีจังหวัดแนวกันชน และจังหวัดที่มีความเสี่ยงที่จะกระจายเชื้อโควิด โดยจะยังมีการแบ่งพื้นที่ตามโซนต่างๆ โดยจังหวัดสามารถพิจารณาปรับลดหรือเพื่มความเข้มข้นของมาตราการควบคุมแบบบูรณาการตามเกณฑ์รายอำเภอได้ เพื่อความอ่อนตัวในการบริหารจัดการ
ยกตัวอย่างสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ทั้งจังหวัดมี 3 อำเภอ แต่ละอำเภอจะมีการค้นหาและค้นพบผู้ติดเชื้อที่แตกต่างกัน โดยมักจะค้นพบผู้ติดเชื้อบริเวณอำเภอเมืองหรือแหล่งโรงงาน ซึ่งขณะนี้ในที่ประชุมก็กำลังพิจารณาว่าจะให้เขาปิดหรือเปิดทั้งจังหวัด แต่ถ้าเปิดก็จะมีข้อแม้ว่าให้คณะกรรมการเฉพาะกิจได้มาพูดคุยกัน เพื่อการวางมาตราการต่างๆต่อไป
ส่วนการวางมาตราการแบบบูรณาการนั้น จะมีการปรับให้จังหวัดสมุทรสาครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 1 จังหวัด โดยให้กทม.และพื้นที่ปริมณฑล 4 จังหวัด กลายเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด ขณะที่พื้นที่ควบคุมจะประกอบด้วย 20 จังหวัด พื้นที่เฝ้าระวังสูง 17 จังหวัด และพื้นที่เฝ้าระวัง 35 จังหวัด
ซึ่งขณะนี้ในที่ประชุมได้พิจารณาและเตรียมนำเข้าประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันศุกร์นี้ สำหรับจังหวัดสมุทรสาคร สิ่งที่จะให้ปิดต่อ คือสถานบันเทิง สถานคาราโอเกะ สนามมวย สนามชนไก่ สถานที่ออกกำลังกาย กิจกรรมอาบน้ำหรืออาบบนวดสปา แพทย์แผนไทย โรงเรียน สถามเด็กเล่น ตู้เกม ร้านเกม-ร้านอินเทอร์เน็ต งานประชุม-งานเลี้ยง กิจกรรมตามประเพณีและ ระบบการขนส่งสาธารณะ โดยสิ่งที่จะให้เปิดได้ตามช่วงเวลา ประกอบด้วย ตลาดนัด ร้านอาหารให้ซื้อนำกลับไปบริโภคที่อื่นเท่านั้นและเปิดไม่เกิน 21.00น. ส่วนศูนย์การค้าจำกัดเวลาเปิดไม่เกิน 21.00น. ศูนย์เด็กเล็และสถานที่พักของผู้สูงวัยให้เปิดได้ ส่วนสถานประกอบการ-โรงงานให้พร้อมกำกับมาตราและจัดให้มีการติดตามผู้เดินทางเข้าออกทุกคน ทั้งนี้ขอย้ำว่ามาตราการข้างต้นเป็นเพียงข้อเสนอซึ่งหากมีการประชุมศบค.ชุดใหญ่แล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลง ตามความเห็นสมควรของคณะกรรมการเฉพาะกิจ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สำหรับพื้นที่ควบคุม ร้านอาหารหรือเครื่องดื่มให้รับประทานอาหารหรือดื่มน้ำภายในร้ายได้ไม่เกิน 23.00น. การแสดงดนตรีสดสามารถทำได้ แต่งดการเต้นรำ และการจัดสัมมนาห้ามเกิน 100 คน ห้ามดื่มสุราและงดการเต้นรำ, ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูง และเฝ้าระวังจะมีการผ่อนผันมาตราการกันไปตามลำดับ ซึ่งคงจะได้นำเสนอขยายรายละเอียดต่อในเวลา 14.00 น.ของสถานีวิทยุและโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือผ่านกระทรวงสาธารณสุขเวลา 15.00น.
อย่างไรก็ตามสำหรับการจัดการเรียน พื้นที่เฝ้าระวังและเฝ้าระวังสูงสุดสามารถเปิดได้ ส่วนพื้นที่ควบคุมสูงสุดให้เปิดได้โดยคำนึงถึงมาตราการควบคุมโรค เช่น การสลับเวลาเรียน การเว้นระยะห่าง หรือการใช้ออนไลน์เข้ามาเสริม แต่จังหวัดสมุทรสาครที่จะยังไม่มีการเปิด ขณะบ่อนต้องปิดทุกพื้นที่ สถานบริการอาบน้ำให้เปิดได้เฉพาะพื้นที่เฝ้าระวังสูงและเฝ้าระวัง แต่ต้องมีการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ ร้านสปา-นวดแผนไทยเปิดได้ทุกพื้นที่ แต่ต้องมีการจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ ส่วนสนามยิม-สถานออกกำลังกายกลางแจ้ง พื้นที่ควบคุมสูงสามารถเปิดได้ แต่หากมีการแข่งขัน ต้องไม่มีผู้ชม ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังสูงสุดและเฝ้าระวัง เปิดได้ แข่งขันได้ แต่จำนวนผู้ชมต้องอยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด
@ทั่วโลกป่วย 528,285 ราย สะสม 100.82 ล้านราย
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 528,285 ราย รวม 100,822,401 ราย อาการหนัก 110,171 ราย หายป่วย 72,837,496 ราย เสียชีวิต 2,166,950 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 148,265 ราย รวม 26,011,222 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 4,045 ราย รวม 435,452 ราย อินเดีย เพิ่ม 12,596 ราย รวม 10,690,279 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 127 ราย รวม 153,751 ราย บราซิล พบเพิ่ม 63,626 ราย รวม 8,936,590 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 1,206 ราย รวม 218,918 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 121 ของโลก
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า วันนี้จะมีคนเดินทางกลับเข้าไทยอีก 718 ราย รวม 18 เที่ยวบิน ประกอบด้วย จีน 1 เที่ยวบิน 15 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 1 เที่ยวบิน 12 ราย ฟินแลนด์ 1 เที่ยวบิน 14 ราย ไต้หวัน 1 เที่ยวบิน 4 ราย สิงคโปร์ 2 เที่ยวบิน 15 ราย อัฟกานิสถาน 1 เที่ยวบิน 16 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 เที่ยวบิน 4 ราย กาตาร์ 1 เที่ยวบิน 8 ราย ฟิลิปปินส์ 1 เที่ยวบิน 4 ราย อิสราเอล 1 เที่ยวบิน 264 ราย เนเธอร์แลนด์ 3 เที่ยวบิน 4 ราย แคนาดา 1 เที่ยวบิน 32 ราย กัมพูชา 1 เที่ยวบิน 115 ราย และญี่ปุ่น 2 เที่ยวบิน 211 ราย
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage