'โจ ไบเดน' เข้าสาบานตน รับตำแหน่ง ปธน.พร้อม คามาลา แฮร์ริส รอง ปธน.สตรีผิวสีเชื้อสายเอเชียคนแรก ยันเป็นวันแห่งประชาธิปไตย ประวัติศาสตร์และความหวัง
................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานนายโจ ไบเดน เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอย่างเป็นทางการที่หน้าอาคารรัฐสภาในกรุงวอชิงตัน เมื่อวันพุธ (20 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
โดยพิธีดังกล่าวจัดขึ้นแบบนิวนอร์มอล ผู้เข้าร่วมงานทุกคนสวมหน้ากากอนามัยและนั่งเว้นระยะห่างจากกัน เพื่อป้องกันการระบาดของโควิด-19
นอกจากนี้ นางคามาลา แฮร์ริส ได้เข้าสาบานตนรับตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ ถือเป็นรองประธานาธิบดีผิวสีคนแรก รองประธานาธิบดีสตรีคนแรก และรองประธานาธิบดีเชื้อสายเอเชียใต้คนแรกของอเมริกา
นายไบเดน กล่าวรับตำแหน่งว่า วันสาบานตนถือเป็น "วันแห่งประวัติศาสตร์และความหวัง" และ "วันแห่งประชาธิปไตย" พร้อมเรียกร้องให้เกิดความเป็นหนึ่งเดียวในสหรัฐ และประกาศว่ารัฐบาลใหม่ของเขาจะเอาชนะความขัดแย้งภายในชาติ
โดยสาระสำคัญของสุนทรพจน์ของนายไบเด้นซึ่งใช้เวลา 22 นาทีมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
"นี่เป็นวันของประชาธิปไตย วันแห่งประวัติศาสตร์ และความหวัง ของการเริ่มต้นใหม่และการแก้ปัญหา หลังจากผ่านบททดสอบอย่างหนักหน่วงทุกยุคสมัย อเมริกาถูกทดสอบอีกครั้ง และอเมริกาได้ยืนหยัดต่อสู้กับความท้าทายเหล่านี้ วันนี้เราไม่ได้ฉลองชัยชนะของผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีคนใดคนหนึ่ง แต่เรามีสิ่งที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง นั่นคือประชาธิปไตย คนในประเทศ เสียงของคนในประเทศได้รับการรับฟัง และความต้องการของพวกเขาก็ได้รับการใส่ใจ
เราได้เรียนรู้อีกครั้งว่าประชาธิปไตยเป็นสิ่งล้ำค่า ประชาธิปนั้นเปราะบาง และชั่วโมงนี้ มิตรสหายทั้งหลาย ประชาธิปไตยได้รับชัยชนะ
เราจะเดินหน้าด้วยความรวดเร็วและความเร่งด่วน เพราะเรามีภารกิจหลายอย่างในฤดูหนาว ฤดูกาลแห่งภยันอันตรายและความเป็นไปได้ที่สำคัญ มีหลายเรื่องที่ต้องซ่อมแซม หลายเรื่องที่ต้องฟื้นฟู หลายเรื่องที่ต้องเยียวยา หลายอย่างที่ต้องสร้าง และหลายอย่างที่ต้องเพิ่มพูน น้อยคนนักในประวัติศาสตร์ของประเทศเราจะเคยประสบปัญหา หรือประสบกับช่วงเวลาที่ยากลำบากและท้าทายมากไปกว่าช่วงเวลานี้
เราเสียงานไปหลายล้านตำแหน่ง ธุรกิจห้างร้านหลายแสนต้องปิดตัวลง เสียงเรียกร้องความยุติธรรมทางสีผิว ที่้มีมาเป็นเวลา 400 ปี ทำให้เราต้องออกมาเคลื่อนไหว ความฝันที่จะได้เห็นความยุติธรรมสำหรับทุกคนจะไม่ถูกผลัดผ่อนต่อไปอีกแล้ว เสียงร้องขอชีวิตดังมาจากโลกใบนี้ของเราและเป็นเสียงร้องที่ไม่สามารถแสดงความสิ้นหวังและชัดเจนไปมากกว่านี้ได้อีกแล้ว นอกจากนี้ยังมีความสุดโต่งทางการเมือง กลุ่มเชิดชูคนผิวขาวแบบสุดโต่ง และการก่อการร้ายภายในประเทศ ที่เราต้องเผชิญและต้องเอาชนะให้ได้
ผมเข้าใจดีว่าคนอเมริกันหลายคนมองอนาคตด้วยความหวาดกลัวและประหวั่นพรั่นพรึง แต่ทางออกไม่ได้อยู่ที่การสนใจแต่ตัวเอง หรือการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่เชื่อใจกลุ่มคนที่รูปร่างหน้าตาไม่เหมือนคุณ หรือไม่ได้เคารพบูชาเช่นเดียวกับคุณ หรือไม่ได้เสพข่าวจากแหล่งเดียวกับคุณ เราต้องยุติสงครามที่ไร้อารยธรรมนี้ ที่ทำให้ฝ่ายสีแดงหันมาสู้กับฝ่ายสีน้ำเงิน ทำให้คนชนบทหันมาต่อสู้กับคนเมือง ทำให้กลุ่มอนุรักษ์นิยมต่อสู้กับกลุ่มหัวก้าวหน้า เราแก้ปัญหานี้ได้หากเรายอมเปิดจิตวิญญาณ แทนที่จะทำให้จิตใจเราตายด้านไร้ความรู้สึก
เราจะเป็นผู้นำโดยการเป็นตัวอย่างที่ดีในการใช้อำนาจ และด้วยอำนาจของการเป็นตัวอย่างที่ดี เราจะเป็นพันธมิตรที่เข้มแข็งและเชื่อใจได้ในการสร้างสันติ ความก้าวหน้า และความมั่นคง
ทุกคน นี่เป็นช่วงเวลาที่ท้าทายอย่างยิ่ง เราต้องเผชิญกับการโจมตีประชาธิปไตยของเราและการทำร้ายข้อเท็จจริง ท่ามกลางการระบาดของไวรัส ความไม่เสมอภาคที่มากยิ่งขึ้น การเหยียดผิวอย่างเป็นระบบ วิกฤติสภาพภูมิอากาศ บทบาทของอเมริกาในเวทีโลก ปัญหาเหล่านี้เพียงปัญหาเดียว ก็สร้างความท้าทายให้เรามากพออยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้ คือเราต้องเผชิญกับปัญหาเหล่านี้พร้อมกัน เป็นความรับผิดชอบที่ใหญ่หลวงที่สุดเท่าที่เราเคยมีมา นี่เป็นช่วงเวลาที่เรากำลังถูกทดสอบ
ขอให้ทุกคนเคารพกันและกัน การเมืองไม่จำเป็นต้องลุกเป็นไฟ ทำลายทุกสิ่งที่ขวางหน้า การเห็นไม่ลงรอยกันไม่จำเป็นต้องกลายมาเป็นสาเหตุของสงครามเบ็ดเสร็จ และเราจะต้องไม่ยอมรับวัฒนธรรมที่นำความเป็นจริงมาบิดเบือน หรือการนำความจริงปลอมแปลง
ผมรู้ว่าการพูดถึงความสมานฉันท์ในทุกวันนี้ สำหรับบางคนอาจจะฟังดูเหมือนการเพ้อฝันที่เหลวไหลไร้สาระ ผมรู้ว่าแรงขับเคลื่อนที่แบ่งแยกพวกเรานั้นหยั่งลึก และเป็นแรงขับที่มีอยู่จริง แต่ผมก็รู้ด้วยว่า แรงขับเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ ประวัติศาสตร์ของเราเป็นประวัติศาสตร์ของการต่อสู้กันอยู่เสมอ ระหว่างอุดมคติของอเมริกาที่มองว่าทุกคนเกิดมาเท่ากัน และความเป็นจริงอันน่าเกลียด เช่น การเหยียดผิว ชาติภูมินิยม และการสร้างภาพลักษณ์ความเป็นปีศาจให้แก่ฝ่ายตรงข้าม ที่สร้างควาแตกแยกในสังคมมาเป็นเวลานาน"
อ้างอิงวิดีโอจาก PBS News Hour
ขณะที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ กลายเป็นอดีตประธานาธิบดีทันทีที่นายไบเดนสาบานตนเสร็จ
ส่วนตัวแทนรัฐบาลชุดก่อนของนายทรัมป์ มีเพียงนายไมค์ เพนซ์ อดีตรองประธานาธิบดี ที่เข้าร่วมพิธีนี้ ส่วนนายทรัมป์และนางเมลาเนีย ทรัมป์ เดินทางออกจากกรุงวอชิงตันกลับบ้านพักในรัฐฟลอริดาไม่กี่ชั่วโมงก่อนเริ่มพิธีสาบานตน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage