'คลัง' เตรียมเสนอครม. ยกเว้นภาษีเงินได้ 'คนละครึ่ง-เที่ยวด้วยกัน' ปีภาษี 2563-64 ขณะที่ยอดใช้จ่าย 'คนละครึ่ง' เฟส1-2 พุ่ง 5.34 หมื่นล้านบาท ขณะที่ร้านอาหารทะเลชื่อดังพัทยาประกาศปิดร้านไม่มีกำหนด อัดรัฐโยนความผิดให้เอกชน
................
จากกรณีที่มีรายงานข่าวว่าประชาชนที่ได้รับเงินจากโครงการ “คนละครึ่ง” จำนวน 3,000 บาท ในปี 2563 และโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” ที่ได้รับส่วนลดค่าที่พักโรงแรม และคูปองค่าอาหาร ให้ถือเป็นรายได้ที่ต้องนำไปรวมคำนวณเสียภาษีเงินได้ นั้น
ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ม.ค. นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) และ กระทรวงการคลังเห็นชอบให้ยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับประชาชนที่ได้รับเงินจากมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาลมาตั้งแต่แรกอยู่แล้ว โดยให้กรมสรรพากรยกร่างกฎหมายเสนอต่อไป แต่เนื่องจากมีการขยายมาตรการหลายครั้ง จึงต้องประมวลมาตรการทั้งหมดเพื่อร่างกฎหมายเสนอกระทรวงการคลังและครม.ในคราวเดียว โดยจะมีการยกเว้นภาษีสำหรับเงินที่ได้รับในปีภาษี 2563 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี 2564 และเงินได้ที่ได้รับในปีภาษี 2564 ซึ่งต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในปี 2565 ด้วย
ด้านน.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงาน เศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 เปิดให้ประชาชนได้เริ่มใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2564 ที่ผ่านมา พบว่า ณ วันที่ 3 ม.ค. 2564 มีผู้ใช้สิทธิตามโครงการคนละครึ่งและโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 แล้วจำนวน 12,050,115 คน โดยเป็นการใช้จ่ายของกลุ่มผู้ได้รับสิทธิเดิมจำนวน 9,536,644 คน ใช้จ่ายสะสม 52,358.3 ล้านบาท และผู้ได้รับสิทธิใหม่จำนวน 2,513,471 คน ใช้จ่ายสะสม 1,073.6 ล้านบาท รวมยอดการใช้จ่ายสะสม 53,431.9 ล้านบาท แบ่งเป็นเงินที่ประชาชนจ่าย 27,353.4 ล้านบาท และภาครัฐร่วมจ่ายอีก 26,078.5 ล้านบาท
สำหรับจังหวัดที่มีการใช้จ่ายสะสมมากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สงขลา ชลบุรี เชียงใหม่ และนครศรีธรรมราช ตามลำดับ และมีร้านค้าลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการแล้วกว่า 1.1 ล้านร้านค้า โดยผู้ประกอบการร้านค้าที่สนใจสามารถลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ที่ยังไม่ได้ติดตั้งแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ขอให้เร่งดำเนินการและยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย โดยสามารถดำเนินการผ่านช่องทางต่างๆ ได้แก่ (1) แอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” (2) สาขาธนาคารกรุงไทย หรือ (3) ตู้เอทีเอ็มสีเทาของธนาคารกรุงไทย (สามารถค้นหาตำแหน่งของตู้เอทีเอ็มสีเทา โดยพิมพ์คำว่า “ATM กรุงไทย ยืนยันตัวตน” ใน Google Maps) และใช้จ่ายผ่านร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการภายใน 14 วัน เพื่อรักษาสิทธิให้สามารถใช้จ่ายได้จนถึงวันที่ 31 มี.ค.2564
ส่วนผู้ได้รับสิทธิโครงการคนละครึ่งกลุ่มเดิม หากประสงค์จะได้รับวงเงินเพิ่มอีก 500 บาท ตามโครงการคนละครึ่ง ระยะที่ 2 ขอให้เข้าใช้งานแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” โดยจะพบข้อความเตือน “ท่านได้รับสิทธิคนละครึ่ง ระยะที่ 2 มูลค่า 500 บาท และสามารถใช้สิทธิได้ถึงวันที่ 31 มี.ค. และเมื่อกดปุ่ม “ยอมรับเงื่อนไขและรับสิทธิ” จะได้รับสิทธิดังกล่าว
ขณะที่ King Seafood ซึ่งร้านอาหารทะเล บนถนน Walking Street พัทยา จ.ชลบุรี โพสต์ข้อความผ่านเพจ 'King Seafood' โดยแจ้งลูกค้าว่า ทางร้านจะปิดร้านจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยก่อนหน้านี้ ทางร้านกลับมาเปิดให้บริการในช่วงเดือนส.ค.ปีที่แล้ว แต่ต้องแบกรับภาระขาดทุนมาโดยตลอด และหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่สุดท้ายรัฐบาลกลับประกาศล็อกดาวน์อีกครั้ง ทำให้หมดกำลังกาย กำลังใจ และสู้ต่อไปไม่ไหว จึงต้องขอปิดร้านจนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
"ความผิดรอบนี้มาจากการทุจริต ของเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ว่าจะกรณีแรงงานข้ามชาติหรือกรณีบ่อน แต่รัฐกลับโยนความรับผิดชอบและภาระมาให้ภาคเอกชน คำสั่งปิดก่อนวันปีใหม่สร้างความเสียหายแก่เรามาก ลูกค้ายกเลิกการจองทั้งหมด หากมีการจัดงานปีใหม่ตามปกติ เราคงมีกำลังใจและทุนที่จะสู้ต่อ แต่ความเสียหายระดับนั้น ณ เวลานี้มันทำให้เราไม่มีทางเลือกนอกจากปิดร้าน โดยทางรัฐก็ไม่เคยมีแผนการเยียวยาผู้ประกอบการและพนักงานที่จะได้รับผลกะทบใดๆเลย" เพจ King Seafood
(ร้าน King Seafood พัทยา ขอบคุณภาพ เพจ King Seafood)
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage