'มาเลเซีย'เคาะจัดหาวัคซีนออกซ์ฟอร์ด 6.4 ล้านโดส หลังจัดหาวัคซีนจาก บ.ไฟเซอร์ไปแล้ว คาดเริ่มฉีดวัคซีนได้เดือน ก.พ. 64 ตั้งเป้าประชากรอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์ต้องได้รับวัคซีน
....................
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่าหรือโควิด-19 ว่าเมื่อวันที่ 22 ธ.ค. ที่ประเทศมาเลเซีย ได้มีการเซ็นข้อตกลงกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าซึ่งพัฒนาวัคซีนร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดเพื่อที่จะจัดซื้อวัคซีนจากบริษัทเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6.4 ล้านโดส และในเวลานี้ได้มีการเจรจากับรัฐวิสาหกิจซีโน่แวกซ์ของประเทศจีนและสถาบันวิจัยวัคซีนกามาลาย่าของประเทศรัสเซียเพื่อจะจัดหาวัคซีนอีกจำนวนหนึ่ง โดยทางด้านของนายมูห์ยิดดิน ยัสซิน นายกรัฐมนตรีมาเลเซียได้กล่าวผ่านวิดีโอว่า ณ เวลานี้ประเทศมาเลเซียกำลังทำสงครามกับการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระลอกที่ 3 และตั้งเป้าไว้ว่าการจัดหาวัคซีนของประเทศมาเลเซียนั้นจะต้องครอบคลุมประชากรอย่างน้อย 40 เปอร์เซ็นต์
อนึ่งก่อนหน้านี้นั้นรัฐบาลมาเลเซียได้มีการเซ็นสัญญาข้อตกลงเพื่อที่จะจัดหาวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 12.8 ล้านโดสจากบริษัทไฟเซอร์และบริษัทไบโอเอ็นเท็คในช่วงเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา และกำลังจะจัดหาวัคซีนเพิ่มเติมจากโครงการโคแวกซ์(โครงการริเริ่มระหว่างประเทศที่นำโดยองค์การสหประชาชาติ และพันธมิตรอื่นๆ เพื่อรับรองการเข้าถึงวัคซีนโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่)ขององค์การอนามัยโลก (WHO)
ขณะที่ทางด้านของนาย Khairy Jamaluddin รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมของประเทศมาเลเซียก็ได้กล่าวผ่านทวิตเตอร์ว่าจะไม่ได้มีแค่เรื่องของการจัดหาวัคซีนเท่านั้นแต่จะครอบคลุมไปถึงการวิจัยนวัตกรรมวัคซีนของประเทศมาเลเซียด้วยเช่นกัน
สำหรับกำหนดการฉีดวัคซีนของประเทศมาเลเซียนั้น สำนักข่าว Bernama ของประเทศมาเลเซียได้รายงานว่านายมูห์ยิดดินวัย 74 ปีซึ่งเคยเข้ารับการรักษาด้วยโรคมะเร็งเมื่อ 2 ปีก่อนจะอยู่ในกลุ่มแรกๆที่จะได้รับวัคซีน เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้กับสาธารณชนถึงความปลอดภัยในการฉีดวัคซีน พร้อมกับกลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ กลุ่มผู้ที่มีความเสี่ยงด้านสุขภาพ รวมไปถึงผู้สูงอายุที่มีปัญหาสุขภาพก็จะเป็นกลุ่มแรกที่จะได้รับวัคซีนเช่นกัน
ขณะที่ทางด้านของนาย Khairy ได้กล่าวถึงตารางการฉีดวัคซีนว่ารัฐบาลหวังว่าจะมีการประกาศช่วงเวลาดังกล่าวให้ชัดเจนในช่วงเดือน ม.ค. โดยการฉัดวัคซีนนั้นจะต้องขึ้นอยู่กับการอนุมัติและการลงทะเบียนของหน่วยงานกำกับดูแลเวชภัณฑ์แห่งชาติมาเลเซีย (NPRA:National Pharmaceutical Regulatory Agency) ด้วยเช่นกัน ซึ่งทางการก็ได้ตั้งเป้าไว้ว่าจะสามารถหาวัคซีนให้ได้เพียงพอกับมทั้งประชากรมาเลเซียรวมไปถึงผู้อยู่อาศัยชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานอยู่ในมาเลเซีย
ทั้งนี้ภายใต้ข้อตกลงกับบริษัทไฟเซอร์ คาดว่าประเทศมาเลเซียจะได้รับวัคซีนจำนวนกว่า 1 ล้านโดสในช่วงไตรมาสแรกของปี 2564 และคาดว่าจะเริ่มกระบวนการฉีดวัคซีนได้ในช่วงเดือน ก.พ. ขณะที่จำนวนโดสวัคซีนที่เหลือนั้นมีความจำเป็นจะต้องใช้ตู้เย็นทางการแพทย์ซึ่งมีอุณหภูมิต่ำมากในการเก็บรักษาวัคซีน โดยตู้เย็นดังกล่าวนั้นคาดว่าจะถูกส่งมาถึงประเทศมาเลเซียได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 ขณะที่ทางด้านของประเทศเพื่อนบ้านอย่างประเทศสิงคโปร์นั้นได้รับวัคซีนจากบริษัทไฟเซอร์ลอตแรกในวันที่ 21 ธ.ค.
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/news/2020/12/22/malaysia-signs-astrazeneca-covid-19-vaccine-deal
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage