ศาลอาญาคดีทุจริตฯภาค 2 พิพากษาลงโทษจำคุก 430 ปี อดีต พนง.แบงก์ ธอส. ทุจริต-เบียดบังเงิน 86 ครั้ง 9.4 แสนบาท แต่จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษเหลือจำคุก 215 ปี แต่ลงโทษได้สูงสุด 50 ปี ชี้ทำให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ-ทรัพย์สินของชาติ ไม่มีเหตุรอลงโทษ
..........................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2563 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เผยแพร่คำพิพากษาของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 คดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. ชี้มูลความผิด และส่งสำนวนให้อัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 2 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้องนางสาว ส. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานธุรกิจสาขา ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เป็นจำเลย ฐานกระทำการทุจริตกรณีโอนเงินของ ธอส.สาขาพัทยา เข้าบัญชีมารดา สามี และตัวเอง เบียดบังเงินเป็นของตนโดยทุจริตรวม 86 ครั้ง เป็นเงิน 948,661.96 บาท
โดยศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2 มีคำพิพากษาว่า นางสาว ส. มีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 11 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปและแต่ละกระทงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามมาตรา 4 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด จำเลยกระทำความผิดจำนวน 86 กระทง จำคุกกระทงละ 5 ปี รวมเป็นจำคุก 430 ปี จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 215 ปี แต่เมื่อรวมโทษจำคุกทุกกระทงแล้ว ให้จำคุกจำเลยมีกำหนด 50 ปี
การกระทำของจำเลยอาจทำให้การดำเนินงานของผู้เสียหายประสบความล้มเหลวและเกิดความเสียหายแก่รัฐซึ่งได้ลงทุนหรือหุ้นที่รัฐได้ถือไว้อันเป็นทรัพย์สินของชาติทั้งยังกระทบกระเทือนต่อความน่าเชื่อถือของผู้เสียหายที่ต้องอาศัยความไว้วางใจจากประชาชน กรณีจึงไม่มีเหตุอันสมควรจะรอการลงโทษ พนักงานอัยการพิจารณาสำนวนแล้วเห็นว่า ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามฟ้องโจทก์ชอบแล้ว มีคำสั่งไม่อุทธรณ์ ส่งสำนวนคดีอาญามาให้คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณา
ที่มาของคดีนี้ตามสำนวนการไต่สวนของ ป.ป.ท. ระบุว่า นางสาว ส. เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งพนักงานธุรกิจสาขา ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ว่ากระทำการทุจริตในภาครัฐ กล่าวคือ ในระหว่างวันที่ 29 ตุลาคม 2553 ถึงวันที่ 15 พฤศจิกายน 2554 ผู้ถูกกล่าวหาได้โอนเงินธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขาพัทยา ไปเข้าบัญชีเงินฝากของนาง ป. (มารดา) จำนวน 16 ครั้ง เป็นเงิน 487,278.04 บาท โอนเงินเข้าบัญชีนาย ส. (สามี) จำนวน 11 ครั้ง เป็นเงิน 68,867.37 บาท โอนเงินเข้าบัญชีนาง ส. กับพวก จำนวน 36 ครั้ง เป็นเงิน 245,400 บาท โอนเงินเข้าบัญชีของตนเองเป็นเงิน 25,000 บาท โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากนางสาว ว. เป็นเงิน 8,000 บาท และถอนเงินจากบัญชีพักแคชเชียร์เช็คธนาคาร แล้วเบียดบังเอาเงินไปเป็นของตนโดยทุจริต เป็นเงิน 113,377.55 บาท ผู้ถูกกล่าวหากระทำความผิดรวมจำนวนทั้งสิ้น 86 ครั้ง เป็นเหตุให้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ได้รับความเสียหายเป็นเงิน 948,661.96 บาท คณะกรรมการ ป.ป.ท. พิจารณาในคราวประชุมครั้งที่ 34/2558 เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2558 มีมติชี้มูลความผิดว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4 และมาตรา 11 และส่งสำนวนให้พนักงานอัยการดำเนินคดีอาญากับผู้ถูกกล่าวหา พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 ภาค 2 ได้ยื่นฟ้องผู้ถูกกล่าวหาเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 2
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/