ศบค.ไม่ห้ามจัดงานเลี้ยง-คอนเสิร์ตช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ห้ามมีคนเกิน 50% ของพื้นที่ ลดความแออัดภายในงาน ขณะที่ไทยผู้ป่วยใหม่รายใหม่ 20 ราย กลับมาจากต่างประเทศทั้งหมด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 20 ราย เดินทางกลับจากต่างประเทศ ประกอบด้วย อินเดีย 6 ราย สหราชอาณาจักร 3 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 1 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย สวีเดน 2 ราย ฝรั่งเศส 1 ราย เยอรมัน 1 ราย ปากีสถาน 1 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 3 ราย และคูเวต 1 ราย มีผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,281 ราย หายป่วยเพิ่ม 12 ราย เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 232 ราย เสียชีวิตคงเดิม 60 ราย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าวว่า ที่ประชุม ศบค.ได้รับทราบสรุปสถานการณ์โควิด ที่พบว่ายังมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง แต่มีแนวโน้มเริ่มคงที่ ส่วนเอเชีย พบการระบาดอย่างต่อเนื่องในประเทศญี่ปุ่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย และเมียนมา ทำให้มีผู้ติดเชื้อในประเทศประปราย จากผู้ลักลอบเข้าประเทศทางพรมแดนธรรมชาติ
นพ.ทวีศิลป์ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมรับทราบกรณีการจัดคอนเสิร์ตบิ๊กเมาน์เท่น มิวสิก เฟสติวัล ครั้งที่ 11 เมื่อวันที่ 12-13 ธ.ค.ที่ผ่านมา พบว่าผู้จัดงานได้เสนอแผนป้องกันโรคและได้รับอนุญาตจากจังหวัดให้จัดคอนเสิร์ตได้ ขณะที่สาธารณสุขจังหวัด ติดตามผลการจัดงานพบผู้ชมแออัดมาก ไม่เว้นระยะห่าง ไม่สวมหน้ากากอนามัย ผู้ชมจำนวนมากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้มีโอกาสเสี่ยงต่อการแพร่โรค ซึ่งไม่เป็นไปตามแผนป้องกันโรคที่เสนอ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งให้แก้ไขสถานการณ์ แต่ผู้จัดงานเสนอแผนป้องกันโรคแบบเดิม ซึ่งไม่สามารถลดความแออัดได้ตามมาตรป้าองกันที่กำหนด จึงได้มีคำสั่งปิดสถานที่ในที่สุด
โฆษก ศบค. ยืนยันว่า ที่ประชุมยืนยันว่า เทศกาลปีใหม่ยังสนับสนุนให้มีการจัดงานรื่นเริง แต่ผู้ประกอบการต้องดำเนินมาตรการอย่างเคร่งครัด เช่น จำกัดจำนวนผู้ชมไม่เกิน 50% ของพื้นที่ จัดแบ่งพื้นที่สำหรับผู้ร่วมงานชมการแสดงเป็นกลุ่มย่อย กำหนดให้มีพื้นที่ทางเดินภายในงานที่เพียงพอ
โฆษก ศบค. กล่าวด้วยว่า สำหรับเป้าหมายการจัดหาวัคซีนของไทยจะต้องทำให้ได้ครอบคลุมประชากร 50% หรือ 33 ล้านคน นอกจากการดำเนินการไปด้านอื่นๆแล้ว นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำให้สนับสนุนการทำงานของคนไทย เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงวัคซีนที่จะผลิตได้โดยคนไทย เป้าหมายให้สามารถวิจัยในคนถึงระยะที่ 2 และผลิตได้ในช่วงปลายปี 2564 หรือต้นปี 2565
ส่วนการกักตัว ยังคงไว้ที่ระยะเวลา 14 วัน และต้องจัดทำระบบติดตามตัวให้ได้ก่อนจึงจะพิจารณาการลดเวลากักตัวให้เหลือ 10 วัน นอกจากนั้นให้ทดลองการตรวจหาเชื้อโควิดจาก 2 ครั้งเป็น 3 ครั้ง โดยให้เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 ธ.ค.2563 เพื่อนำข้อมูลไปวิเคราะห์และประเมินผลต่อไป
ขณะที่สถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 714,908 ราย รวม 74,526,806 ราย อาการหนัก 107,525 ราย หายป่วย 52,363,010 ราย เสียชีวิต 1,655,044 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 246,996 ราย รวม 17,392,618 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 3,486 ราย รวม 314,577 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 18,164 ราย รวม 9,951,072 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 357 ราย รวม 144,487 ราย บราซิล พบเพิ่ม 68,437 ราย รวม 7,042,695 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 968 ราย รวม 183,822 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 152 ของโลก
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า วันนี้จะมีคนเดินทางกลับเข้าไทยอีก 671 ราย 16 เที่ยวบิน ประกอบด้วย กาตาร์ 2 เที่ยวบิน 4 ราย เยอรมนี 96 ราย โอมาน 49 ราย ซาอุดีอาระเบีย 25 ราย โปแลนด์ 23 ราย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2 ราย อินโดนีเซีย 1 ราย เอธิโอเปีย 2 ราย อาร์เจนตินา 8 ราย สหรัฐอเมริกา 166 ราย เกาหลีใต้ 2 เที่ยวบิน 200 ราย ญี่ปุ่น 52 ราย สิงคโปร์ 7 ราย และฟิลิปปินส์ 36 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ เพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/