สธ.สรุปภาพรวมผู้ติดเชื้อโควิดกลับจากท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา รวม 23 ราย ส่วนอีก 9 ราย 'เชียงราย' เพิ่งพบขณะผู้ป่วยเดินทางเข้าไทยผ่านช่องทางปกติ 'นพ.โสภณ' ยันสถานการณ์ในไทย ยังไม่ถือเป็นการระบาดระลอกสอง เพราะยังไม่พบการแพร่เชื้อในประเทศแต่อย่างใด
-----------------------------------------------------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.2563 ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน พบผู้ป่วยรายใหม่ 14 ราย แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.ผู้ติดเชื้อในประเทศ 1 ราย เป็นบุคลากรทางการแพทย์ เพศหญิงอายุ 26 ปี ทำงานอยู่ใน Alternative State Quarantine (ASQ) ที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งใน กทม. 2.ผู้ติดเชื้อที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 3 ราย ทั้งหมดกลับมาจากเมียนมา โดยมีประวัติที่แตกต่างกัน และ 3.ผู้ติดเชื้อในสถานกักกันตัวที่รัฐจัดให้ 10 ราย กลับจาก เบลเยียม 1 ราย ยูเครน 1 ราย ซาอุดีอาระเบีย 2 ราย สหรัฐอเมริกา 1 ราย กาตาร์ 1 ราย สวีเดน 1 ราย ญี่ปุ่น 1 ราย เมียนมา 1 ราย สหราชอาณาจักร 1 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 4,086 ราย หายป่วยเพิ่ม 5 ราย เหลือรักษาตัวในโรงพยาบาล 173 ราย และเสียชีวิตคงเดิม 60 ราย
ด้าน นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป กล่าวว่า ข้อมูลสรุป ณ วันที่ 6 ธ.ค. เวลา 08.00 น. มีผู้ติดเชื้อเดินทางมาจาก จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา รวม 23 ราย แบ่งเป็น เชียงใหม่ 5 ราย เชียงราย 11 ราย กรุงเทพฯ 3 ราย ส่วน ราชบุรี พิจิตร พะเยา และสิงห์บุรี จังหวัดละ 1 ราย
นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีที่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ เดินทางจากประเทศเมียนมา 3 ราย ในกลุ่มนี้มี 1 รายเป็นเพศหญิงอายุ 26 ปี เพิ่งยอมรับว่าเดินทางไปยัง จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมาและเป็นเพื่อนกับผู้ป่วยเพศชาย (สาวประเภทสอง) อายุ 30 ปี ที่ได้มีการแถลงข่าวไปเมื่อวานนี้ พบว่าทั้งสองคนเดินทางไปสถานบันเทิง ประเทศเมียนมา ระหว่างวันที่ 6-27 พ.ย. และเดินทางกลับไทยในวันที่ 27 พ.ย. เข้าพักร่วมกันที่โรงแรมใน อ.แม่สาย ต่อมา 28 พ.ย.เดินทางไปซื้อของในตลาด และเดินถนนคนเดินที่ อ.แม่สาย จากนั้น 29 พ.ย. เดินทงาไปวัดพระธาตุดอยเวา ก่อนที่ผู้ป่วยหญิงจะเดินทางกลับ กทม.โดยสายการบินไทยสมายล์ เที่ยวบิน WE137 นั่งแท็กซี่กลับที่พัก และออกมาร้านสะดวกซื้อใกล้กับโรงแรมในช่วงเวลากลางคืน ส่วนผู้ป่วยชายเดินทางกลับ กทม.วันที่ 30 พ.ย. โดยสายการบิน ไทยไลน์อ้อนแอร์ SL545 เวลา 19.15 – 20.00 น. ถึงสนามบินดอนเมือง และเดินทางกลับที่พักโดยรถแท็กซี่
“ทั้งสองรายให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ว่า ตลอดเวลาที่อยู่ใน กทม. ส่วนใหญ่อยู่ในที่พัก กระทั่งวันที่ 4 ธ.ค.ผู้ป่วยชายได้เข้ารับการตรวจที่โรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อนฯ และพบว่าติดเชื้อ ส่วนผู้ป่วยหญิงได้เดินทางไปเป็นเพื่อน และเข้ารับการตรวจเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. พบว่าติดเชื้อโควิดเช่นกัน เบื้องต้นทั้งสองรายมีผู้สัมผัสเสี่ยงไม่ต่ำกว่า 15 ราย เป็นกลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง 5 ราย และสัมผัสเสี่ยงต่ำ 10 ราย” นพ.โสภณ กล่าว
@เชียงรายเจออีก 9 รายกลับจากท่าขี้เหล็กผ่านแดนถูก กม.
ต่อมาเมื่อเวลา 11.30 น. นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย พร้อมด้วย นพ.ทศเทพ บุญทอง นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงราย และ นพ.ไชยเวช ธนไพศาล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ร่วมกันแถลงข่าวประจำวัน โดยมีการยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อโควิดเพิ่มขึ้น 9 ราย ทั้งหมดเป็นเพศหญิงอายุ 20-44 ปี เดินทางผ่านชายแดนตามช่องทางถูกกฎหมาย โดยทั้งหมดมีประวัติทำงานอยู่ในสถานบันเทิง 1G1 จ.ท่าขี้เหล็ก ประเทศเมียนมา
นายประจญ กล่าวว่า ผู้พบที่พบทั้ง 9 ราย ไม่ใช่สิ่งที่เหนือความคาดหมาย เนื่องจากทั้งหมดทำงานและพักอาศัยอยู่ด้วยกันมานาน โดยระหว่างนี้จังหวัดยังรอรับผู้ที่จะเดินทางกลับมาเพิ่มเติม โดยที่ผ่านมามีผู้เดินทางกลับจาก จ.ท่าขี้เหล็กรวม 171 ราย ทั้งหมดอยู่ในความควบคุมดูแลของจังหวัด ส่วนผู้ติดเชื้อก็ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคระห์แล้วเช่นกัน
ขณะที่ นพ.ทศเทพ กล่าวถึงความคืบหน้าการติดตามผู้สัมผัสเสี่ยงจากผู้ป่วยชายที่เป็นเพื่อนกับกลุ่มหญิงที่ลักลอบเข้าเมืองมาก่อนหน้านี้ โดยมีผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 22 ราย และสัมผัสเสี่ยงต่ำ 200 ราย จากการท่องเที่ยวในพื้นที่สิงห์ปาร์ค และสถานบันเทิงต่างๆ ล่าสุด ผลตรวจกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมแต่อย่างใด
@พบ 2 รายข้ามแดนจาก‘เมียวดี’
นพ.โสภณ กล่าวถึงกรณีที่นักธุรกิจชาวเมียนมา อายุ 43 ปี ที่พบการติดเชื้อใน อ.แม่สอด จ.ตาก การสอบสวนโรคล่าสุดพบว่า ผู้ป่วยอยู่ที่ อ.เมียววดี ประเทศเมียนมา จากนั้นวันที่ 1 ธ.ค.เดินทางเข้าไทยและเข้ารับการรักษาโรคเก๊าต์และความดัน ที่คลินิกแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลแม่สอด ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค.ไปรับเพื่อนโดยรถยนต์ส่วนตัวที่บ้านเพื่อติดต่อทำพาสปอร์ตที่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง จากนั้นวันที่ 3 ธ.ค.เข้ามาขอรับการตรวจหาเชื้อโควิดที่ ARI คลินิก รพ.แม่สอด เพื่อจะเดินทางกลับประเทศสิงคโปร์ โดยผลยืนยันว่าติดเชื้อเมื่อวันที่ 4 ธ.ค. และมีกลุ่มสัมผัสเสี่ยง รวม 27 ราย โดยยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม
ส่วนอีกรายเป็นชายไทย อายุ 70 ปี อาชีพค้าขาย ทำไร่ ทำสวน เป็นผู้ป่วยรายใหม่ของวันนี้ อาศัยอยู่ที่บ้านแม่กะใน รัฐกะเหรี่ยง ประเทศเมียนมาในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา โดยลักลอบเข้าไทยผ่านช่องทางธรรมชาติเมื่อวันที่ 29 พ.ย. เข้าพักอาศัยที่หมู่ 7 ต.ท่าสายลวด โดยมีลูกเขยเป็นผู้ดูแล ต่อมา วันที่ 2 ธ.ค.ลูกสาวกลับมาจาก กทม.มาดูแลผู้ป่วย และวันที่ 4 ธ.ค.เริ่มมีอาการหอบเหนื่อย จึงเรียกรถโรงพยาบาลเอกชนให้มารับที่บ้าน ระหว่างนั้นอาการไม่ดีขึ้นจึงนำตัวส่งโรงพยาบาลรัฐ ผลพบว่าป่วยเป็นโควิด โดยกรณีนี้มีผู้สัมผัสเสี่ยง 15 ราย อยู่ระหว่างรอผลตรวจอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง
“ทั้งสองรายนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ จ.ท่าขี้เหล็ก แต่มาจากฝั่ง จ.เมียววดี ประเทศเมียนมา เป็นผู้ป่วยข้ามมาจากเมียนมา และพบการติดเชื้อที่ อ.แม่สอด จ.ตาก อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่า สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ได้เรียกว่าระบาดระลอกสอง เนื่องจากผู้ติดเชื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้าน และยังไม่พบการแพร่เชื้อไปถึงผู้อื่นในประเทศไทยจะเห็นว่ากรณีนี้เราสามารถระบุต้นทางหรือแหล่งที่มาของเชื้อได้ในระดับหนึ่งด้วย” นพ.โสภณ กล่าว
@ทั่วโลกป่วยเพิ่ม 6.2 แสนรายรวม 66.84 ล้านราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 620,775 ราย รวม 66,847,041 ราย หายป่วย 46,235,090 ราย เสียชีวิต 1,534,344 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 208,790 ราย รวม 14,983,425 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 2,251 ราย รวม 287,825 ราย อินเดีย พบเพิ่ม 36,111 ราย รวม 9,644,529 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 480 ราย รวม 140,216 ราย บราซิล พบเพิ่ม 42,226 ราย รวม 6,577,177 ราย เสียชีวิตเพิ่ม 660 ราย รวม 176,641 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 151 ของโลก
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า วันนี้จะมีคนเดินทางกลับเข้าไทยอีก 468 ราย 13 เที่ยวบิน ประกอบด้วย รัสเซีย 27 ราย บาห์เรน 216 ราย ออสเตรีย 1 ราย สวิตเซอร์แลนด์ 114 ราย ไต้หวัน 2 เที่ยวบิน 18 ราย ศรีลังกา ซาอีดาระเบีย และดูไบ 36 ราย จีน 6 ราย กาตาร์ 2 เที่ยวบิน 23 ราย ฮ่องกง 2 เที่ยวบิน 5 ราย และมัลดีฟส์ 22 ราย โดยทั้งหมดต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดให้ เพื่อเฝ้าดูอาการ 14 วัน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/