‘ซีอีโอปตท.’ ชี้ ‘ไบเดน’ นั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีสหรัฐ ทำ ‘สงครามการค้า’ คลี่คลาย ประกอบกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ จะทำให้เศรษฐกิจโลกดีขึ้น หนุนราคาน้ำมันปีหน้าแตะระดับ 40-50 ดอลลาร์ต่อสหรัฐ
................
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่โจ ไบเดน ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ จะทำให้สงครามการค้าคลี่คลายลง และมีความแน่นอนมากขึ้น ประกอบกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ จะส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจโลกมีทิศทางที่ดีขึ้น และเติบโตได้มากขึ้น จะทำให้ราคาน้ำมันปรับตัวเพิ่มขึ้น รวมถึงจะทำให้การส่งออกของไทยปรับดีขึ้นด้วย
“ไบเดนไม่ได้ aggressive (ดุดัน) สไตล์เขาไม่เหมือนทรัมป์ที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ซึ่งเป็นสไตล์ที่นักลงทุนไม่ชอบเลย เพราะเดี๋ยวพลิกซ้ายพลิกขวา แต่การที่ไบเดนมา แน่นอนว่าสงครามการค้าไม่ได้หมดลง คู่กัดสหรัฐกับจีนก็ยังคงเหมือนเดิม แต่ว่าจะมีความชัดเจน ถ้าเขาจะตึงแค่ไหน เขาจะบอก แล้วก็ว่ากันไป” นายอรรถพลกล่าว พร้อมระบุว่า “ถ้ามีการค้นพบวัคซีนภายในปีหน้า ก็จะทำให้สถานการณ์เศรษฐกิจดีขึ้นอีก”
นายอรรถพล กล่าวต่อว่า การที่โจ ไบเดน มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งนโยบายที่เห็นชัดพอสมควร คือ การเก็บภาษีจากผู้มีรายได้มากให้สูงขึ้นและเอาไปเพิ่มค่าจ้างให้แรงงานรายวันของสหรัฐ เพื่อกระตุ้นให้ระดับฐานล่างมีกำลังซื้อ และจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากขึ้นนั้น ตรงนี้ก็หวังว่าจะทำให้สภาพเศรษฐกิจมีทิศทางที่ดีขึ้น มีความแน่นอนขึ้น และเติบโตได้มากขึ้น เห็นได้จากที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีเสียงตอบรับที่ดีจากการที่โจ ไบเดนเข้ามา
“หลายนโยบายของไบเดน เช่น เรื่องการกระตุ้น เรื่องภาษี อาจทำให้ค่าเงินสหรัฐอ่อนลง และจะทำให้ค่าเงินบาทอาจแข็งขึ้น แต่ในทางกลับกัน ถ้าเศรษฐกิจโลกดีขึ้น การส่งออกบ้านเราก็ดีขึ้นด้วย”นายอรรถพลกล่าว
นายอรรถพล ยังประเมินสถานการณ์ราคาน้ำมันในระยะสั้นและปีหน้าว่า ระดับราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกน่าจะอยู่ที่ระดับ 40-50 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ส่วนนโยบายพลังงานของโจ ไบเดน มุ่งเน้นในด้านสิ่งแวดล้อม และสนับสนุนพลังงานทดแทนมากกว่าน้ำมันฟอสซิลนั้น อาจจะทำให้การผลิตน้ำมันฟอสซิลในสหรัฐน้อยลง และเมื่อมีการใช้น้อยลง แต่การผลิตก็น้อยลงด้วย ก็จะทำให้ราคาน้ำมันกลับเข้าไปสู่สมดุล
(อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์)
นายอรรถพล กล่าวถึงการลงทุนของกลุ่ม ปตท. ในช่วง 10 เดือนที่ผ่านมา ว่า การลงทุนต่างๆยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย โดยเฉพาะหลังจากปตท.ปรับแผนการลงทุนเข้าสู่โหมดรีสตาร์ท ก็พยายามผลักดันการลงทุนก่อสร้างที่หยุดไปให้กลับมาดำเนินการได้ทั้ง 100% แล้ว ส่วนยอดขายในธุรกิจน้ำมันเชื้อเพลิง พบว่ายอดขายน้ำมันภาคพื้นกลับมาเป็นปกติแล้ว ยกเว้นน้ำมันเครื่องบิน ส่วนยอดขายธุรกิจนอน-ออยล์เองก็กลับมาเกือบจะปกติแล้ว
“ในเดือนธ.ค.นี้ เราจะเสนอแผนลงทุนปี 64 เข้าบอร์ด ซึ่งในส่วนการลงทุนนั้น ปตท.จะพยายามทำให้ได้มากที่สุดภายใต้สภาวะที่จะเอื้ออำนวย เช่น เรื่องโควิด เศรษฐกิจจะกลับมามากน้อยแค่ไหน ซึ่งถ้าเจอวัคซีน ยิ่งเร็วยิ่งดี โดยเราหวังว่าจะดีขึ้น และต้องช่วยกันกระตุ้น” นายอรรถพลกล่าว
นายอรรถพล กล่าวถึงการกระจายหุ้นบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR ว่า ก.ล.ต.อนุมัติให้กระจายหุ้นได้แล้ว โดยมีเวลา 1 ปี และสิ่งที่กำลังทำตอนนี้ คือ การสำรวจตลาดและหยั่งเชิงนักลงทุนว่ามีเสียงตอบรับเป็นอย่างไร ซึ่งยังได้ข้อไม่ผลสรุป แต่สมมุติว่าไม่สามารถกระจายหุ้นได้ภายใน 1 ปี ก็ยื่นใหม่ได้ ส่วนภาพรวมธุรกิจของทั้งกลุ่มปตท.ในปีหน้านั้น ไม่น่าจะมีเรื่อง Stock Loss แล้ว และเมื่อเศรษฐกิจดีขึ้น ธุรกิจโรงกลั่นฯและปิโตรเคมีก็ดีขึ้น
สำหรับการเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทนให้ได้ 8,000 เมกะวัตต์ตามแผน 10 ปี (2563-2572) จากปัจจุบันที่มี 500 เมกะวัตต์นั้น กลุ่มปตท. โดยบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้าซื้อธุรกิจพลังงานทดแทนในต่างประเทศอยู่ 2-3 ดีล ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปในช่วงไตรมาสที่ 1 ของปี 2564 ส่วนการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลจะเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 8,000 เมกะวัตต์เช่นกัน จากปัจจุบันที่มี 5,000 เมกะวัตต์
นายอรรถพล กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนอุบัติเหตุท่อก๊าซระเบิดที่จ.สมุทรปราการว่า ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริง ส่วนการช่วยเหลือและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้น ปตท.ส่งทีมงานลงพื้นที่เพื่อพูดคุยและให้ความช่วยเหลือโดยตลอด ซึ่งรวมถึงการเข้าไปฟื้นฟูสถานที่ บ้านเรือน และร้านค้า โดยเฉพาะโรงเรียนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง แม้ว่าจะไม่ได้รับความเสียหายอะไร แต่ปตท.ได้ลงไปดูแลเป็นพิเศษ เช่น การยกระดับคุณภาพโรงเรียน
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage