'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสมใกล้ 37 ล.-ทำเนียบขาวประกาศ'ทรัมป์'กลับไปหาเสียงได้เต็มรูปแบบเสาร์นี้ เดโมแครตหารือถอดถอน ปธน.ด่วน-'สธ.สหรัฐฯ' คาดวัคซีนถึงมือชาวสหรัฐฯ ไม่เกิน เม.ย. 64 ญี่ปุ่น หารือ'ไทย-จอร์เจีย-WHO' อุดหนุนโครงการวัคซีนอีก 4 พันล้าน
--------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 36,738,209 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 348,150 ราย เสียชีวิต 1,066,393 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 6,405 ราย
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 7,833,286 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 56,175 ราย เสียชีวิต 217,719 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 938 ราย
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐเท็กซัส มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 4,403 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวที่ทำเนียบขาว มีการออกเอกสารแถลงการณ์ระบุว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะสามารถกลับไปออกงานสาธารณะได้ในวันที่ 10 ต.ค. เนื่องจากอาการติดไวรัสโควิด-19 ของประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้นถูกวินิจฉัยว่ามีการพัฒนาในทางที่ดีขึ้นมากแล้ว โดย นพ.ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำตัวประธานาธิบดีสหรัฐฯได้กล่าวว่านายทรัมป์นั้นมีการตอบสนองที่ดีมากในการรักษา และนับตั้งแต่ที่กลับมายังทำเนียบขาว จากการตรวจสอบร่างกายก็พบว่ายังอยู่ในสภาวะทรงตัวและไม่มีสัญญาณที่บ่งชี้ถึงการพัฒนาของอาการป่วย
เอกสารทางการของทำเนียบขาว (อ้างอิงรูปภาพจาก https://www.newsnationnow.com/health/coronavirus/trump-coronavirus/president-trumps-doctor-updates-on-condition/)
โดยในวันที่ 10 ต.ค.นั้นถือว่าครบ 10 วันนับตั้งแต่ที่นายทรัมป์ได้ถูกตรวจพบว่าติดไวรัสโควิด.19 เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งข้อมูลในเว็บไซต์ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อของสหรัฐฯหรือว่า ซีดีซี ระบุว่าผู้ที่ถูกตรวจพบว่าติดไวรัสโควิด 19 สามารถกลับไปทำกิจกรรมทางสังคม พบปะผู้อื่นได้อีกครั้งภายในระยะเวลา 10 วัน หลังจากที่อาการของเขาหรือเธอปรากฎขึ้นเป็นครั้งแรก โดยผู้ติดเชื้อจะต้องไม่มีอาการเป็นไข้และต้องไม่ใช้ยารักษาเป็นระยะเวลาติดต่อกัน 24 ชั่วโมง
ขณะที่ตัวของนายทรัมป์เองก็ยืนยันว่าเขาพร้อมที่จะกลับไปสู่กระบวนการหาเสียงเต็มรูปแบบ และปฏิเสธที่จะใช้เทคโนโลยีเสมือนจริงในการโต้วาทีอีกครั้งกับนายโจ ไบเด้น แคนดิเดตเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯจากพรรคเดโมแครต ในวันที่ 15 ต.ค. นี้ และในวันที่ 10 ต.ค. ตัวเขาก็จะมีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 อีกครั้งหนึ่งหนึ่ง
ส่วนที่รัฐสภาสหรัฐฯมีรายงานว่า ส.ส.จากพรรคเดโมแครตกำลังพิจารณาถึงการยื่นถอดถอนนายทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขครั้งที่ 25 ในประเด็นเรื่องความไม่พร้อมของประธานาธิบดีในการบริหารประเทศ โดยนางแนนซี่ เพโลซี ประธานรัฐสภากล่าวในงานแถลงข่าวว่าตัวเธอมีความกังวลว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯซึ่งกำลังรักษาตัวอยู่นั้น อยู่ในสภาวะซึ่งแยกแยะจากความเป็นจริงไม่ออก
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆในสหรัฐฯมีรายงานว่านายอเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสหรัฐฯได้ออกมาแถลงข่าวความคืบหน้าปฏิบัติการณ์วาร์ปสปีด หรือปฏิบัติการณ์การเร่งพัฒนาวัคซีนของสหรัฐฯว่าคาดว่าในช่วงเดือน มี.ค.-เม.ย. 2564 สหรัฐฯจะมีวัคซีนที่มีจำนวนเพียงพอสำหรับประชาชนทุกคนในประเทศ
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีป จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 5,029,539 ราย ติดเชื้อใหม่ 27,182 ราย เสียชีวิต 149,034 ราย เสียชีวิตใหม่ 730 ราย
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 1,260,112ราย ติดเชื้อใหม่ 11,493 ราย เสียชีวิต 22,056 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 191 ราย
ส่วนที่ ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อใหม่ 18,129 ราย ขณะที่ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 4,458 ราย
ที่ประเทศอังกฤษมีผู้ติดเชื้อใหม่ 17,540 ราย ส่วนที่ประเทศเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 4,401ราย
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 6,903,812 ราย ติดเชื้อใหม่ 70,824 ราย เสียชีวิตสะสม 106,521 ราย เสียชีวิตใหม่ 967 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันและผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 619 ราย เสียชีวิตใหม่ 2 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 248 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
ส่วนความเคลื่อนไหวอื่นๆในประเทศญี่ปุ่น มีรายงานว่านายโทฮิมิทสุ โมเทกิรัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่นได้กล่าวในระหว่างการหารือกับนาย David Zalkaliani รัฐมนตรีต่างประเทศจอร์เจีย นพ. เทดรอส อาดานอม เกเบรเยซุส ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก รวมไปถึงนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศของไทย โดยนายโมเทกิระบุว่าญี่ปุนจะให้เงินสนับสนุนโครงการ COVAX ซึ่งเป็นโครงการที่จัดตั้งโดยองค์การอนามัยโลกหรือ WHO เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 ของประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นจำนวนทั้งสิ้น 130 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (4,048,590,000 บาท) ซึ่งค่าใช้จ่ายจำนวนดังกล่าวนั้นเป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอของประเทศญี่ปุ่นที่ได้เคยประกาศไปเมื่อตอนเดือน มิ.ย.แล้ว ว่าญี่ปุ่นจะช่วยเหลือในกลุ่มพันธมิตรวัคซีนกาวีผู้ดำเนินการ COVAX เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (9,341,100,000 บาท)
การประชุมหารือระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศและผู้อำนวยการอนามัยโลก
ขณะที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 69 ราย เสียชีวิตใหม่ 2 ราย
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 331,869 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,363 ราย เสียชีวิตสะสม 6,069 ราย เสียชีวิตใหม่ 144 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเชื้อสะสม 320,564 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,850 รายมีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 11,580 ราย เสียชีวิตใหม่ 108 ราย
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 375 ราย เสียชีวิตใหม่ 5 ราย ขณะที่พม่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,012 ราย เสียชีวิตใหม่ 25 ราย เวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย และกัมพูชามีผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย
ทวีปแอฟริกา ประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 686,891 ราย ติดเชื้อใหม่ 1,736 ราย เสียชีวิต 17,408 ราย เสียชีวิตใหม่ 160 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ประเทศออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 25 ราย เป็นผู้ป่วยใหม่ที่รัฐวิกตอเรีย 11 ราย รัฐนิวเซาท์เวลส์ 12 ราย ประเทศนิวซีแลนด์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 3 ราย ประเทศปาปัวนิวกินีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 3 ราย และหมู่เกาะเฟรนช์โปลินีเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 62 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage