'อิศรา' อัพเดตความเคลื่อนไหวสถานการณ์โรคโควิด-19 ทั่วโลกล่าสุด ยอดติดเชื้อสะสมทะลุ 36 ล.- WHO คาด สิ้นปีหน้าแจกวัคซีน 2 พันล้านโดส ให้ประเทศร่วมโครงการ COVAX ได้- คณะเสธ.กองทัพสหรัฐฯกักตัว หลังพบรอง ผบ.ยามฝั่งติดโควิด-'FDA' ปิดประตูอนุมัติวัคซีนก่อนเลือกตั้ง ปธน. หลังออกแนวทางบริษัทต้องแสดงข้อมูล 2 เดือนหลังฉีดวัคซีนเข็มที่ 2- 'ญี่ปุ่น-อียู' บรรลุข้อตกลงร่วม ต้านโควิด,พัฒนา-แจกวัคซีนทั่วโลก
-----------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานความคืบหน้าสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่าไวรัสหรือ โรคโควิด-19 ล่าสุด เว็บไซต์ World Meter ได้รายงานจำนวนตัวเลขผู้ติดเชื้อว่า มีจำนวนทั้งสิ้น 36,028,978 ราย เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 307,590 ราย เสียชีวิต 1,053,987 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 5,501 ราย
ขณะที่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO นาง Socorro Escalante ผู้ประสานงาน WHO ประจำภูมิภาคแปซิฟิกตะวันออกได้กลุ่าวถึงช่วงเวลาซึ่งโครงการ COVAX อันเป็นโครงการภายใต้การกำกับดูแลของ WHO ในการแจกจ่ายวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 อย่างเท่าเทียมให้กับประชาชนทั่วโลกอย่างแพร่หลาย โดยระบุว่าการแพร่หลายของวัคซีนซึ่งประชาชนสามารถเข้าถึงได้ในท้องตลาดนั้น อาจจะต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 1 ปี จึงจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งก็คือในช่วงประมาณสิ้นปี 2564 โครงการ COVAX น่าจะสามารถนำเอาวัคซีนจำนวน 2 พันล้านโดสไปแจกจ่ายให้กับประเทศต่างๆทุกประเทศที่เข้าร่วมในโครงการ COVAX ได้
สำหรับสถานการณ์ใน ทวีปอเมริกาเหนือ สหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อสะสม และผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุดในโลก จำนวนผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่ 7,719,402 ราย ติดเชื้อรายใหม่ 40,316 ราย เสียชีวิต 215,780 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 748 ราย
โดยรัฐที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงสุดในสหรัฐฯ คือ รัฐเท็กซัส มีผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งสิ้น 4,421 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือเพนตากอน มีรายงานว่า พล.ร.อ.ชาร์ลส์ เรย์ รองผู้บัญชาการเหล่าทัพยามฝั่ง ในกองทัพสหรัฐฯถูกตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และมีอาการป่วยซึ่งไม่รุนแรง ส่งผลทำให้เหล่าเสนาธิการร่วมของกองทัพสหรัฐฯรวมไปถึง พล.อ.มาร์ค มิลลีย์ ประธานคณะเสนาธิการกองทัพสหรัฐฯต้องกักตัวตามมาตรการป้องกันโรค แม้ว่า ณ เวลานี้ทั้งหมดจะไม่มีอาการป่วยและมีผลตรวจเป็นลบก็ตาม ซึ่งทางด้านของเพนตากอนได้ออกมายืนยันว่าการกักตัวดังกล่าวนั้นจะไม่กระทบต่อประสิทธิภาพการทำหน้าที่ของกองทัพสหรัฐฯอย่างแน่นอน
ส่วนที่ทำเนียบขาวก็มีรายงานว่านายสตีเฟ่น มิลเลอร์ ที่ปรึกษาอาวุโสด้านนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ถูกตรวจพบว่าติดไวรัสโควิด-19 เช่นกัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่ามีสมาชิกวุฒิสภาอย่างน้อยจำนวน 3 คน ติดไวรัสโควิด-19 จากที่ทำเนียบขาว
พล.ร.อ.ชาร์ลส์ เรย์ รองผู้บัญชาการเหล่าทัพยามฝั่งสหรัฐฯ (อ้างอิงวิดีโอจากสำนักข่าวเอ็นบีซี)
ขณะที่องค์การอาหารและยาของสหรัฐฯหรือว่า FDA ก็มีการประกาศถึงแนวทางการอนุมัติการใช้งานวัคซีนในสภาวะฉุกเฉิน โดยระบุว่า บริษัทที่ต้องการจะได้รับการอนุมัติวัคซีน จะต้องมีการแสดงผลของการฉีดวัคซีน เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน หลังจากที่มีการฉีดยาเข็มที่ 2 ในกลุ่มอาสาสมัครทดลองวัคซีน
ซึ่งการประกาศดังกล่าวนั้นหมายความว่าจะไม่มีวัคซีนของบริษัทใด ร่วมไปถึงบริษัทไฟเซอร์ และบริษัทมอร์เดอร์นา ที่จะได้รับการอนุมัติวัคซีนในสภาวะฉุกเฉิน ก่อนวันที่ 3 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์และบริษัทมอร์เดอร์นานั้นจะต้องมีการทิ้งระยะเวลาประมาณ 21-28 วัน ก่อนที่จะฉีดวัคซีนเข็มที่ 2
ทวีปอเมริกาใต้บราซิล มียอดผู้ติดเชื้อสะสมอันดับ 1 ของทวีป จำนวนผู้ติดเชื้อมีทั้งสิ้น 4,970,953 ราย ติดเชื้อใหม่ 30,454 ราย เสียชีวิต 147,571 ราย เสียชีวิตใหม่ 798 ราย
ทวีปยุโรป ประเทศรัสเซีย มีผู้ติดเชื้อมากที่สุด 1,237,504 ราย ติดเชื้อใหม่ 11,615 ราย เสียชีวิต 21,663 ราย เป็นผู้เสียชีวิตรายใหม่ 188ราย
ส่วนที่ ประเทศฝรั่งเศสมีผู้ติดเชื้อใหม่ 10,489 ราย ขณะที่ประเทศอิตาลีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,677 ราย
ที่ประเทศอังกฤษมีผู้ติดเชื้อใหม่ 14,542 ราย ส่วนที่ประเทศเยอรมนีมีผู้ติดเชื้อใหม่ 2,462 ราย
สำหรับสถานการณ์ทวีปเอเชีย อินเดียยังคงมีผู้ติดเชื้อเป็นอันดับ 1 ของทวีป มีผู้ติดเชื้อสะสม 6,754,179 ราย ติดเชื้อใหม่ 72,106 ราย เสียชีวิตสะสม 104,591 ราย เสียชีวิตใหม่ 991 ราย จึงทำให้ ณ เวลานี้อินเดียกลายเป็นประเทศที่มีผู้ติดเชื้อรายวันและผู้เสียชีวิตรายวันสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของโลก
ที่ประเทศญี่ปุ่น มีรายงานผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 502 ราย เสียชีวิตใหม่ 7 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทั้งหมด 177 ราย เป็นผู้ติดเชื้อในกรุงโตเกียว
และล่าสุดมีรายงานว่านายโยชิฮิเดะ ซูงะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้โทรศัพท์หารือเป็นระยะเวลา 20 นาทีกับนางอัวร์ซูลา ฟ็อน แดร์ ไลเอิน ประธานคณะกรรมการยุโรปหรืออียู เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ที่ผ่านมา และได้บรรลุข้อตกลงในการเป็นผู้นำร่วมกันในด้านมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 ซึ่งรวมไปถึงการพัฒนาและแจกจ่ายวัคซีนสำหรับไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก
ขณะที่ประเทศเกาหลีใต้มีตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่จำนวน 75 ราย
สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรืออาเซียน ประเทศฟิลิปปินส์ มีผู้ติดเชื้อสะสมสูงสุด 326,833 ราย ติดเชื้อใหม่ 2,093 ราย เสียชีวิตสะสม 5,865 ราย เสียชีวิตใหม่ 25 ราย
ที่อินโดนีเซีย มีผู้ติดเชื้อสะสม 311,176 ราย ติดเชื้อใหม่ 4,056 รายมีผู้ติดเสียชีวิตสะสมสูงสุด 11,374 ราย เสียชีวิตใหม่ 121 ราย
ส่วนประเทศเพื่อนบ้านของไทย ประเทศมาเลเซีย มีผู้ติดเชื้อใหม่ 691 ราย เสียชีวิตใหม่ 4 ราย ขณะที่พม่ามีผู้ติดเชื้อใหม่ 1,252 ราย เสียชีวิตใหม่ 27 ราย และเวียดนามมีผู้ติดเชื้อใหม่ 1 ราย
ทวีปแอฟริกา ประเทศแอฟริกาใต้ ยังเป็นประเทศที่ติดเชื้ออันดับ 1 ในทวีป มีผู้ติดเชื้อทั้งสิ้น 683,242 ราย ติดเชื้อใหม่ 1,027 ราย เสียชีวิต 17,103 ราย เสียชีวิตใหม่ 87 ราย
ส่วนความเคลื่อนไหวใน ภูมิภาคโอเชียเนีย ประเทศออสเตรเลีย มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 28 ราย เสียชีวิต 1 ราย เป็นผู้ป่วยใหม่ที่รัฐวิกตอเรีย 15 ราย รัฐนิวเซาท์เวลส์ 11 รายประเทศนิวซีแลนด์ มีผู้ติดเชื้อใหม่ 3 ราย และประเทศปาปัวนิวกินี มีผู้ติดเชื่อใหม่ 1 ราย
เรียบเรียงจาก:https://www.aljazeera.com/topics/events/coronavirus-outbreak.html,https://www.worldometers.info/coronavirus/,https://www.theguardian.com/world/coronavirus-outbreak
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage