เปิดข้อร้องเรียนกลุ่มธรรมาภิบาลฯ ร้องนายกฯ สอบงบขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศ 18,927 แห่ง 1.1 หมื่นล้าน พบกลุ่ม ‘คุณนาย อ.’ รวมหัวนักการเมือง อ้างชื่อ ‘บิ๊ก ฉ.-บิ๊ก ป.’ งาบหัวคิว 35-50% ชี้ข้อพิรุธเปิดช่องจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษ เปิดช่องเอื้อเอกชนบางกลุ่ม คาดเสียหายไม่น้อยกว่า 4 พันล้าน
...................................
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น นำโดยนายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมาภิบาลฯ เดินทางเข้ายื่นหนังสือที่สำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีนายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนมารับหนังสือร้องเรียน กรณีขอให้ตรวจสอบการทุจริตและเรียกเก็บหัวคิวงานขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศ ในโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมของรัฐบาล งบประมาณ 11,892 ล้านบาท (งบกลาง)
เนื้อหาในหนังสือร้องเรียนดังกล่าว ลงนามโดยนายวิวัฒน์ ระบุว่า กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชั่น ได้รับแจ้งข้อมูลจากประชาชนและผู้ประกอบการที่สุจริตซึ่งไม่ได้รับความเป็นธรรมในพื้นที่หลายจังหวัด ว่าได้มีกลุ่มบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายผลประโยชน์ที่อ้างนักการเมือง และ ฝ่ายผลประโยชน์ที่อ้างชื่อข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ นำงานขุดลอกแหล่งน้ำภายใต้โครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศ กรอบวงเงินงบประมาณปี 2563(งบกลาง) วงเงิน 11,892.8711 ล้านบาท(หนึ่งหมื่นหนึ่งพันแปดร้อยเก้าสิบสองล้านแปดแสนเจ็ดหมื่นหนึ่งพันหนึ่งร้อยบาท) ไปดำเนินการและขายงานต่อ หรือ จัดหาผู้รับเหมาทั่วไปให้มาซื้องานโดยเรียกเก็บเงินค่าหัวคิวงานละ 35 - 50% ตามความยากง่ายในแต่ละโครงการ โดยได้ตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นพบข้อเท็จจริง ดังนี้
1.คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2563 ได้อนุมัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ภายใต้กรอบวงเงิน 11,892.8711 ล้านบาท เพื่อใช้ในการดำเนินโครงการบรรเทาปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วมในพื้นที่ 76 จังหวัดทั่วประเทศกระทรวงมหาดไทยให้จังหวัดเป็นหน่วยงานรับงบประมาณตามวิธีการงบประมาณและผู้รับผิดชอบโครงการ จำนวน 18,927 โครงการ วงเงินต่อโครงการไม่เกิน 500,000 บาท รวมวงเงินงบประมาณ 9,957.8355 ล้านบาท โดยทุกโครงการต้องทำสัญญาจัดจ้างให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 กันยายน 2563 นี้และจังหวัดได้มอบอำนาจให้นายอำเภอดำเนินการจัดซื้อจัดจ้างรายโครงการด้วยวิธีพิเศษเป็นการตกลงจ้าง เป็นวิธีการที่ทำให้สามารถจัดหาผู้ประกอบการรายใดรายหนึ่งมาเป็นคู่สัญญากับทางอำเภอได้โดยไม่ต้องประกวดราคา
กรณีดังกล่าว ถือเป็นการกำหนดวิธีจัดซื้อจัดจ้างที่น่าจะมีเจตนาพิเศษเพื่อต้องการเปิดช่องและหรือเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายผลประโยชน์ทางการเมืองและกลุ่มผลประโยชน์ที่เป็นคนของผู้ใหญ่ในรัฐบาลหรือผู้ใหญ่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปหาประโยชน์ในโครงการ โดยการนำผู้ประกอบการที่เป็นพรรคพวกของตนเองหรือผู้ประกอบการที่ต้องการทำงานได้ทำสัญญาและเรียกเก็บค่าเข้าทำสัญญางานเป็นการดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม
2.ได้มีกลุ่มผลประโยชน์ อ้างตนว่าเป็นฝ่ายการเมืองหลายกลุ่ม และ กลุ่มผลประโยชน์ที่อ้างว่าตนเป็นผู้ประสานงานของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ คือ กลุ่มคุณนาย อ. (อดีตเคยเป็นผู้นำงานขุดลอกแหล่งน้ำขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึกหรือ อผศ.ที่ได้สิทธิพิเศษเป็นคู่สัญญารับจ้างกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยโดยไม่ต้องประกวดราคา ภายใต้แนวทางป้องกันภัยแล้งและอุทกภัยของ คสช. วงเงินงบประมาณกว่า 8,000ล้านบาท ระหว่างปี 2558-2560 ไปให้ผู้ประกอบการรายย่อยทั่วประเทศทำงานต่อจาก อผศ. และเรียกเก็บหัวคิวโครงการละ 30-50%) กลุ่มผลประโยชน์ดังกล่าวได้เข้าไปประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดหลายจังหวัดและนายอำเภอหลายอำเภอทั่วประเทศ โดยอ้างชื่อผู้ใหญ่ คือ “บิ๊ก ฉ.” และ “บิ๊ก ป.” เพื่อให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอในพื้นที่นั้น ๆ ดำเนินการเลือกเอาผู้ประกอบการในกลุ่มของตนหรือผู้ประกอบการในพื้นที่ที่ต้องการทำงานเป็นคู่สัญญา และ เรียกเก็บค่าเข้าสัญญาหรือค่าหัวคิวโครงการละ 35-50%ทุกสัญญา
กรณีดังกล่าว เป็นการดำเนินการที่ไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฏหมาย โดยอาศัยช่องทางการจัดซื้อจัดจ้างรายโครงการโดยวิธีพิเศษ ซึ่งผู้ว่าราชการจังหวัดหรือนายอำเภอสามารถตกลงจ้างและจะจ้างผู้ใดผู้หนึ่งมาทำงานก็ได้ ซึ่งเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่น่าจะไม่เป็นไปตามแบบแผนปฏิบัติที่คุ้มค่าต่อเงินแผ่นดิน
3.โครงการขุดลอกหนองและลำห้วย จำนวน 18,927 โครงการทั่วประเทศครั้งนี้ อาจไม่ใช่โครงการที่ต้องการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง เหตุเนื่องจากได้มีการขุดลอกแหล่งน้ำอยู่เป็นประจำทุกปีงบประมาณในหลายหน่วยงานของรัฐอยู่แล้ว กรณีนี้จึงน่าจะเป็นความต้องการของฝ่ายผลประโยชน์ทางการเมือง และกลุ่มผลประโยชน์นอกระบบที่มีผู้ใหญ่ในรัฐบาลอยู่เบื้องหลัง ที่ต้องการผ่องถ่ายงบประมาณแผ่นดินไปเป็นของตนเองและพรรคพวกผ่านโครงการขุดลอกแหล่งน้ำและผ่านกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐซึ่งอ้างว่าชอบด้วยกฏหมายเปิดช่องให้กลุ่มผลประโยชน์หาประโยชน์โดยมิชอบจากเงินแผ่นดินโดยกฏหมายไม่สามารถเอาผิดได้ในลักษณะเป็นการทำธุรกิจเพื่อค้างบประมาณแผ่นดินโดยนำโครงการขุดลอกแหล่งน้ำมาเป็นข้ออ้างอิงทำให้ประโยชน์ของทางราชการและประโยชน์ประชาชนเสียหายไม่น้อยกว่า 4,000 ล้านบาท
ดังนั้นกลุ่มธรรมาภิบาล จึงขอให้ท่านในฐานะผู้กำกับดูแลงบกลาง ดำเนินการตรวจสอบและเอาผิดต่อขบวนการที่ร่วมกันทุจริตต่อเงินแผ่นดินโดยอ้างการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษกรณี ตกลงจ้าง ครั้งนี้ ดังนี้
1.ให้ตรวจสอบกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง และ กลุ่มคุณนาย อ. ว่ามีความเชื่อมโยงเกี่ยวข้องกับ “บิ๊ก ฉ.” และ “บิ๊ก ป.” ในการทำสัญญางานขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศและเรียกเก็บหัวคิวผู้ประกอบการหรือไม่อย่างไรและหากพบว่ามีการเชื่อมโยงในการกระทำผิดให้มีข้อสั่งการให้ดำเนินการตามกฏหมายที่เกี่ยวข้องจนถึงที่สุดต่อไป
2.ให้ตรวจสอบการทำสัญญาขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศ จำนวน 18,927 โครงการ ว่าชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และหรือ มีการนำผู้ประกอบการที่มีคุณสมบัติไม่ถูกต้องเข้าเป็นคู่สัญญาเพื่อนำงานไปขายต่อหรือไม่
3.ให้ตรวจสอบการขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศ ทั้ง 18,927 โครงการ ว่าได้ดำเนินการถูกต้องเป็นไปตามแบบTORและสัญญาหรือไม่
“จึงเรียนมาโปรดดำเนินการตรวจสอบโดยเร่งด่วน และหากพบว่ามีการกระทำผิดและหรือทุจริตในข้อใดข้อหนึ่ง ขอให้ท่านยกเลิกโครงการและจัดให้มีการจัดซื้อจัดจ้างใหม่ทั้งหมดเพื่อเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการในพื้นที่ที่สุจริตทั่วประเทศ ให้มีสิทธิเข้าถึงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมโดยไม่มีผู้ใดมาเรียกเก็บหัวคิว และทำงานให้คุ้มค่าต่อเงินแผ่นดิน โดยให้ท่านยกเลิกการจัดซื้อจัดจ้างวิธีพิเศษแบบตกลงจ้างครั้งนี้ เป็นการตัดวงจรขบวนการเรียกเก็บหัวคิวขบวนการใหญ่ที่สุดตั้งแต่เคยมีมาในประเทศไทย เพื่อเห็นแก่ประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนด้วย” หนังสือดังกล่าว ระบุ
อ่านประกอบ : อ้าง‘บิ๊ก ฉ.-บิ๊ก ป.’! กลุ่มธรรมาภิบาลฯยื่นนายกฯสอบขบวนการหักหัวคิวงบขุดลอกคลองหมื่นล.
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage