ศบค.พบป่วยเพิ่ม 7 ราย เดินทางมาจาก 3 ประเทศ ส่วนสถานการณ์ประเทศเมียนมามีผู้ติดเชื้อวันนี้ 261 ราย มหาดไทยสั่งคุมเข้มลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ขณะที่กรมควบคุมโรค เผยไทม์ไลน์ 3 ผู้ป่วยพบโควิดที่ญี่ปุ่น-เดินทางจากไทย
--------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.ย. ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) รายงานสถานการณ์ประจำวัน โดยวันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 7 ราย เดินทางมาจากซาอุดีอาระเบีย 3 ราย และอินเดีย 3 ราย และรัสเซีย 1 ราย รวมผู้ป่วยยืนยันสะสม 3,461 ราย หายป่วยเพิ่ม 2 ราย รวม 3,312 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 91 ราย และเสียชีวิตคงเดิม 58 ราย
สำหรับสถานการณ์ทั่วโลกพบผู้ป่วยเพิ่ม 303,170 ราย รวม 28,324,655 ราย หายป่วย 28,324,665 ราย เสียชีวิต 913,908 ราย โดยสหรัฐอเมริกาพบผู้ป่วยเพิ่ม 38,811 ราย รวม 6,588,163 ราย อินเดีย เพิ่ม 96,760 ราย รวม 4,559,725 ราย บราซิล พบเพิ่ม 40,431 ราย รวม 4,239,763 ราย ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 123 ของโลก
ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศ รายงานว่าวันนี้จะมีคนเดินทางกลับเข้าไทยจำนวน 64 ราย ประกอบด้วย 2 เที่ยวบิน มาจากเยเมน 24 ราย และเอธิโอเปีย 40 ราย
@10 จังหวัดติดชายแดนเฝ้าระวังลักลอบเข้าเมืองจากเมียนมา
สถานการณ์ประเทศเพื่อนบ้านที่น่าสนใจวันนี้ เมียนมามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 261 ราย รวมผู้ป่วยสะสม 2,150 ราย ขณะที่ประเทศไทยมี 10 จังหวัด 40 อำเภอ ที่มีพื้นที่ติดเขตชายแดนเมียนมา ประกอบไปด้วยจังหวัด เชียงราย เชียงใหม่, แม่ฮ่องสอน, ตาก, กาญจนบุรี, ราชบุรี, เพชรบุรี, ประจวบคีรีขันธ์, ชุมพรและระนอง
โดยกระทรวงมหาดไทยได้ออกหนังสือด่วนสั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดที่มีเขตติดต่อกับประเทศเมียนมา ให้เฝ้าระวังการสถานการณ์แพร่ระบาดและลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย ซึ่งไม่ได้ผ่านมาตรการคัดกรองโรคตามที่ประเทศไทยกำหนด จึงกำชับให้ดำเนินการ 3 มาตรการเข้มข้น คือ 1.ให้จังหวัดชายแดนที่มีพื้นที่ติดต่อกับประเทศเมียนมา เพิ่มความเข้มข้นในการเฝ้าระมัดระวังไม่ให้มีการลักลอบเดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยผิดกฎหมายและไม่ผ่านกระบวนการคัดกรองโรค 2.ตั้งจุดตรวจ เฝ้าระวัง และสกัดกั้นผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย หากพบ ให้ดำเนินการตามระเบียบกฎหมายและมาตรการทางด้านสาธารณสุข และ 3.ให้ทางจังหวัดบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องติดตามค้นหาแรงงานต่างด้าวที่ลักลอบเข้าประเทศโดยผิดกฎหมาย เพื่อดำเนินการทางกฎหมายและด้านสาธารณะสุขต่อไป
@เผยไทม์ไลน์ 3 ผู้ป่วยพบเชื้อโควิดที่ญี่ปุ่น-เดินทางจากไทย
นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงกรณีที่ประเทศญี่ปุ่น พบผู้ป่วยโควิด โดยมีรายงานว่าเป็นผู้ที่เดินทางกลับจากประเทศไทย ว่า หลังจากได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าวแล้ว กรมควบคุมโรคได้ประสานไปยังจุดประสานงานกฎอนามัยระหว่างประเทศ (IHR national focal point) ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อสอบสวนโรค ตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวแล้ว
ทั้งนี้จากกการสอบสวนในเบื้องต้น พบว่า ในช่วงที่ผ่านมามีผู้ที่เดินทางจากไทยไปญี่ปุ่นและตรวจพบเชื้อโควิด รวม 5 เหตุการณ์ เป็นเหตุการณ์เดิม 2 กรณี คือ กรณีพบชายไทยอายุ 24 ปี และเหตุชายชาวญี่ปุ่นอายุ 47 ปี และเป็นเหตุการณ์ใหม่ 3 กรณี ดังนี้
1.ผู้ป่วยเพศชาย สัญชาติญี่ปุ่น อายุ 64 ปี (เป็นรายที่ 730 ของญี่ปุ่น) อาชีพผู้จัดการทั่วไปในบริษัทแห่งหนึ่งในเขตบางนา เดินทางเข้าประเทศไทยและพักที่คอนโดย่านสุขุมวิท กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 59 เดินทางไปต่างประเทศครั้งสุดท้ายเมื่อเดือนม.ค. 63 ซึ่งอาศัยอยู่คนเดียวไม่มีครอบครัว จากนั้นในวันที่ 17 ส.ค. 63 ได้คืนห้องพักและย้ายไปพักไปที่โรงแรมย่านสุขุมวิท ก่อนที่จะเดินทางกลับญี่ปุ่นวันที่ 20 ส.ค. 63 เมื่อไปถึงสนามบินฮาเนดะได้มีตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลเป็นบวกโดยจากการสอบสวนโรคผู้สัมผัสใกล้ชิดในกรณีดังกล่าว ระหว่างวันที่ 21-23 ส.ค. 63 และวันที่ 9 ก.ย. 63 ที่ผ่านมา พบผู้สัมผัส จำนวน 76 คน ในบริษัทที่ทำงาน โรงแรมที่พัก และคอนโดมิเนียม โดยเป็นผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 22 คน และเสี่ยงต่ำ 54 คน มีการตรวจหาเชื้อทางห้องปฏิบัติการในผู้สัมผัสทั้งหมด 50 คน ผลทั้งหมดไม่พบเชื้อแต่อย่างใด
2.ผู้ป่วยเป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 21 ปี (เป็นรายที่ 770 ของญี่ปุ่น) ที่อยู่เขตคลองสามวา กทม. เป็นนักศึกษา กำลังเดินทางไปศึกษาที่ประเทศญี่ปุ่น โดยก่อนเดินทางเมื่อวันที่ 27 ส.ค. ได้ไปตรวจหาเชื้อโควิด แต่ไม่พบเชื้อแต่อย่างใด จากนั้นเดินทางถึงญี่ปุ่นวันที่ 29 ส.ค.63 ตรวจหาเชื้อโดยตัวอย่างจากน้ำลาย พบผลเป็นบวก จากการสอบสวนโรคในประเทศไทยไม่พบผู้สัมผัสเสี่ยงสูงแต่อย่างใด
3.ผู้ป่วยเป็นเพศชาย สัญชาติไทย อายุ 44 ปี (เป็นรายที่ 790 ของญี่ปุ่น) ที่อยู่ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด เดินทางไปญี่ปุ่นทุก 3 เดือน เพื่อซื้ออะไหล่ และได้เดินทางถึงญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 1 ก.ย.63 และพบว่าผลเป็นบวก ทั้งนี้ จากการสอบสวนโรคในประเทศไทย พบว่าในช่วง 14 วันก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น มีการเดินทางระหว่างที่ทำงานบริเวณถนนบางนา-ตราด และ จ.ร้อยเอ็ด และมีการตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น ในวันที่ 28 หรือ 29 ส.ค. 63 โดยไม่พบว่าติดเชื้อแต่อย่างใด จึงมีการเดินทางในวันที่ 31 ส.ค.63 ไปญี่ปุ่นกับเพื่อน 1 คน ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดร่วมบ้านที่ จ.ร้อยเอ็ด มี 4 คน ได้แก่ ยาย ภรรยา ลูกชาย และหลานสาว ไม่มีใครป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจ อยู่ระหว่างการติดตามผู้สัมผัสรายอื่น และการตรวจหาเชื้อในผู้สัมผัสใกล้ชิด หากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ประชาชนทราบต่อไป
นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า กรมควบคุมโรค ได้ปฏิบัติตามหลักสากลในการป้องกันควบคุมโรค ตามกฎอนามัยระหว่างประเทศ พ.ศ.2548 (International Health Regulations : IHR 2005) ที่ได้รับความร่วมมือจากทุกประเทศที่มีระบบความร่วมมือและแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างประเทศ ทำให้มีการตรวจสอบติดตามและสอบสวนป้องกันโรคได้อย่างรวดเร็วทันที และขอให้ประชาชนมั่นใจในมาตรฐานการป้องกันควบคุมโรคของประเทศไทยที่มีความเข้มแข็งและดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร. 1422 ได้ตลอดเวลา
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage