ศาลทุจริตฯ นัด 30 ก.ย. อ่านคำพิพากษาคดี 'สมคิด บุญถนอม' ฟ้องกลับถูกกลั่นแกล้งใช้พยานเท็จใส่ร้ายเอี่ยวคดีอุ้มฆ่าอัลรูไวลี เจ้าตัวชี้กระบวนการคุ้มครองพยานหนีไปยูเออีทำไม่ถูกต้อง - ด้าน 'ธาริต เพ็งดิษฐ์' ปฎิเสธทุกข้อกล่าวหา แจงมีอำนาจอธิบดีดีเอสไอทำได้
-----------------------------
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) เสนอข่าวว่า ในวันที่ 7 ก.ย.2563 เวลา 9.00 น. ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีคำสั่งนัดสืบคดีในคดีหมายเลข อท.61/2559 ที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม และ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี ได้ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ และพ.ต.ท.สุวิชชัย หรือเกียรติกรณ์ แก้วผลึก เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สร้างหลักฐานการคุ้มครองพยานตามมาตรการพิเศษ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเเจ้งความอันเป็นเท็จต่อศาล ในคดีการหายตัวไปของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ศาลอาญาให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยสายการบิน ey402 ทั้งที่ พ.ต.ท.สุวิชชัยนั้นเป็นจำเลยที่ศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีร่วมกันฆ่า เชื้อพระวงศ์ลาว
(อ่านประกอบ:ศาลทุจริตฯเคาะ 7 ก.ย. สืบคดี 'ธาริต' ใช้พยานเท็จใส่ร้าย 'สมคิด'เอี่ยวอุ้มฆ่า 'อัลรูไวลี')
ล่าสุด ในช่วงค่ำวันที่ 7 ก.ย.2563 ที่ผ่านมา พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้เชี่ยวชาญประจำคณะกรรมการการเลือกตั้งและอดีตเจรตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยสำนักข่าวอิศราถึงผลการพิจารณาคดีนี้ของศาลฯ ว่า นายธาริต ได้มาเบิกความโดยปฏิเสธในทุกข้อกล่าวหา และกล่าวอ้างว่ามีอำนาจที่จะกระทำได้ตามอำนาจของอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งศาลฯ ได้รับฟังคำชี้แจงของนายธาริตแล้วจึงได้นัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 30 ก.ย. 2563 เวลา 9.00 น.
พล.ต.ท.สมคิด กล่าวต่อว่า “เรื่องนี้มีประเด็นที่น่าสนใจก็คือว่า ผมได้ฟ้องนายธาริตใน 2 ประเด็น ประเด็นที่ 1 ก็คือการยื่นคำร้องขอถอนประกันผมเป็นการแจ้งความเท็จต่อศาล ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และ 2. การยื่นคำร้องต่อศาลอ้างว่าพยานอยู่ในความคุ้มครอง เพราะพยานได้รับความเดือดร้อนถูกผมข่มขู่คุกคาม เลยต้องมาขอคุ้มครอง ตรงนี้หลักฐานการคุ้มครองพยานที่ผมสามารถจับประเด็นได้แล้วเอามาฟ้อง คือ ผมได้ตรวจสอบพบว่าเป็นการคุ้มครองพยานโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ก็คือพาไปต่างประเทศเลย และยิ่งไปกว่านั้นผมมองในประเด็นข้อกฎหมายว่าเรื่องการคุ้มครองพยานนั้นต้องเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานคุ้มครองพยานในกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ซึ่งผมก็ได้พยานฝั่งสำนักงานคุ้มครองพยาน คือ น.ส.เพลินใจ เหรียญนาค อดีตผู้อำนวยการสำนักงานคุ้มครองพยาน มาเบิกความยืนยันว่าหลักฐานที่นายธาริตได้อ้างว่าเสนอผ่านสำนักงานคุ้มครองพยาน แท้จริงแล้วเขา (สำนักงานคุ้มครองพยาน) ไม่ได้ดูเลย แต่ใช้ลูกน้องเอาเอกสารมาให้เซ็นอ้างว่าเป็นเรื่องทางธุรการเท่านั้น ดังนั้น คุณเพลินใจก็อ้างแล้วว่าเอกสารการคุ้มครองครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย”
พล.ต.ท.สมคิดกล่าวต่อว่า หลักการคุ้มครองพยาน สำนักงานคุ้มครองพยานจะต้องเป็นเจ้าภาพ ดังนั้น ประเด็นเรื่องการคุ้มครองพยานตามข้อกฎหมายโดยให้หนีไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์นั้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมายอยู่แล้ว และก็ยังมีประเด็นเรื่องที่นายธาริตมาสร้างหลักฐานย้อนหลังอีกว่าเป็นผู้กระทำความผิดอีก
“ต้องดูข้อเท็จจริงด้วยว่ามีการคุ้มครองพยานหรือไม่ มันไม่มีการคุ้มครองพยาน เพราะว่ามีการสร้างหลักฐานเท็จในภายหลังว่าผมได้ไปข่มขู่เขา จึงได้มีการขอคุ้มครองพยาน ซึ่งช่วงเวลาก็ไม่รับกันแล้ว เพราะว่าเขาหนีไปต่างประเทศก่อนแล้ว แล้วจึงได้มีการมาสร้างหลักฐานว่ามีการข่มขู่พยานในภายหลัง” พล.ต.ท.สมคิดกล่าว
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage