ศาลอาญาคดีทุจริตฯเคาะ 7 ก.ย. สืบคดี 'ธาริต' นำผู้ต้องหาหนีคดีเป็นพยานเท็จขึ้นเบิกความโดยมิชอบ หลัง 'สมคิด บุญถนอม' ฟ้องกลับปมถูกกลั่นแกล้งเอี่ยวคดีอุ้มฆ่าอัลรูไวลี-ถามกลับใครรับผิดชอบปม 'สุวิชชัย' หนีคดีฆ่าเชื้อพระวงศ์ลาว
-------------------------
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อไม่นานมานี้ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้เชี่ยวชาญประจำคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และอดีตจเรตำรวจแห่งชาติได้ให้ข้อมูลว่าในวันที่ 7 ก.ย. เวลา 9.00 น. ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง จะมีคำสั่งนัดสืบคดีในคดีหมายเลข อท.61/2559 ที่ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม และ พ.ต.ท.สุรเดช อุดมดี ได้ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ พ.ต.ต.วรนันท์ ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ และรองโฆษกดีเอสไอ และพ.ต.ท.สุวิชชัย หรือเกียรติกรณ์ แก้วผลึก เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐาน ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย สร้างหลักฐานการคุ้มครองพยานตามมาตรการพิเศษ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และเเจ้งความอันเป็นเท็จต่อศาล
โดยคำฟ้องระบุพฤติการณ์สรุปว่านายธาริตซึ่งดำรงตำเเหน่งอธิบดีเอสไอในขณะนั้นกับพวกได้มีคำสั่งให้มีการนำ พ.ต.ท.สุวิชชัย หรือเกียรติกรณ์ แก้วผลึก พยานโจทก์ในคดีการหายตัวไปของนายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี นักธุรกิจชาวซาอุดีอาระเบีย ที่ศาลอาญาให้เดินทางออกนอกราชอาณาจักรไทยไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ด้วยสายการบิน ey402 ทั้งที่ พ.ต.ท.สุวิชชัยนั้นเป็นจำเลยที่ศาลจังหวัดมีนบุรีได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิตในคดีร่วมกันฆ่า เชื้อพระวงศ์ลาว ซึ่งศาลจังหวัดมีนบุรีมีคำสั่งห้ามออกนอกประเทศไว้ แต่ภายหลังจำเลยกลับมายื่นคำร้องขออนุญาตศาลอาญาให้ส่งประเด็นไปสืบต่างประเทศ โดยอ้างว่าพบพยานดังกล่าวหลบหนีหมายจับไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อให้เข้าหลักเกณฑ์อนุญาตส่งประเด็นไปสืบต่างประเทศ ทั้งที่ความจริงเเล้วตอนนั้นพยานโจทก์ปากดังกล่าวพำนักอยู่ในไทย แต่อัยการโจทก์ไม่สามารถนำตัวมาเบิกความที่ศาลอาญาโดยเปิดเผยได้ เนื่องจาก พ.ต.ท.สุวิชชัย เป็นจำเลยหลบหนีหมายจับของศาลอุทธรณ์จังหวัดมีนบุรี
นายธาริตกับพวกซึ่งทำหน้าที่รายงานความคืบหน้าการส่งประเด็นไปสืบพยานต่างประเทศตามคำสั่งศาลอาญาในขณะนั้นเป็นผู้ซื้อตั๋วเครื่องบินให้ พ.ต.ท.สุวิชชัย เเละเจ้าหน้าที่ดีเอสไออีกสองคนเดินทางไปสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เพื่อดำเนินการสืบพยานลับหลังจำเลยในคดีการหายตัวไปของ นายโมฮัมเหม็ด อัลรูไวลี ด้วยช่องทาง พ.ร.บ.ร่วมมือระหว่างประเทศในเรื่องทางอาญาฯ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมายเพราะความจริงแล้ว การสืบพยานต่างประเทศด้วย พ.ร.บ.ดังกล่าว จะต้องเป็นกรณีที่พยานมีภูมิลำเนาต่างประเทศ มิใช่เกิดจากการนำพยานเดินทางไปต่างประเทศ เพื่อให้เข้าเงื่อนไขการส่งประเด็นไปสืบ แต่กลับเเจ้งต่อศาลว่าพบพยานดังกล่าวหลบหนีหมายจับอยู่ที่ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ต่อมาโจทก์ได้ตรวจสอบพบว่าจำเลยทั้งสามในฐานะตัวการเเละผู้สนับสนุน ร่วมกันสร้างพยานหลักฐานการคุ้มครองพยานมาตรการพิเศษ โดยอ้างว่าโดนโจทก์ข่มขู่พยาน เพื่อเป็นข้ออ้างแก้ตัว กรณีโดนโจทก์ร้องคัดค้านการนำพยานปาก พ.ต.ท.สุวิชชัย เดินทางออกนอกประเทศ ว่าเป็นการคุ้มครองพยานเพื่อนำไปสืบพยานที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอ้างเป็นหลักฐานแจ้งต่อศาล ให้เพิกถอนการปล่อยชั่วคราวแก่โจทก์ทั้งสอง จึงเท่ากับจำเลยมีเจตนาพิเศษกลั่นแกล้งเพื่อให้โจทก์ถูกศาลเพิกถอนการปล่อยชั่วคราวในขณะนั้น หากศาลเชื่อตามคำร้องเท็จของจำเลย โดยคดีนี้มีการยื่นฟ้องไว้ตั้งแต่วันที่ 7สิงหาคม 2557 ที่ผ่านมา
โดย พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ได้กล่าวกับสำนักข่าวอิศราเพิ่มเติมว่าคดีนี้ศาลอาญาคดีทุจริตฯได้รับฟ้องตั้งแต่เดือน ต.ค. 2561 และณ เวลานี้ ศาลกำลังอยู่ในกระบวนการสืบพยานฝ่ายจำเลยปากสุดท้ายซึ่งก็คือนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ซึ่งส่วนตัวแล้วคดีนี้เห็นชัดเจนเลยว่ามีการใช้จำเลย (พ.ต.ท.สุวิชชัย)ซึ่งเป็นผู้ต้องหาที่หลบหนีคดีและต้องคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วเพื่อนำมาใช้เอาผิด แต่กลับไม่นำพยานคนนี้มาเบิกความที่ศาลไทย แต่กลับนำพาพยานคนนี้ไปไว้ที่ต่างประเทศ เพื่อสืบพยานโดยไม่ให้มีโอกาสโต้แย้งได้เนื่องจากไม่มีโอกาสได้ติดตามไป
"การตัดสินคดีนี้ก็ถือเป็นบรรทัดฐานการเอาผิดเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงยุติธรรมอีกครั้งหนึ่งในประเด็นการช่วยเหลือคนกระทำความผิดไม่ให้รับโทษ เพื่อให้เขาได้เป็นพยานเท็จในการเอาผิดผม และผมขอถามด้วยว่าในกรณีที่ พ.ต.ท.สุวิชชัยซึ่งหนีไปต่างประเทศทั้งๆที่ยังมีคดีติดตัวอยู่นั้น ใครจะต้องเป็นผู้ที่รับผิดชอบในการตามตัวกลับมาเพื่อรับคำพิพากษาโทษในคดีฆ่าเชื้อพระวงศ์ลาว" พล.ต.ท.สมคิดกล่าว
พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้เชี่ยวชาญคณะกรรมการเลือกตั้งและอดีตเจรตำรวจแห่งชาติ
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage