กมธ.งบประมาณฯ โหวตคว่ำงบประมาณซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ วงเงิน 3,295 ล้านบาท หลังกองทัพเรือทำหนังสือยอมถอยไม่จ่ายในปีนี้ 'สันติ' เผยโครงการเป็นงบประมาณผูกพันข้ามปี อนุมัติแล้วใน พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 63 คาดเลื่อนจ่ายไปปี พ.ศ.2571 ให้กองทัพเรือเจราจาในรายละเอียด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 31 ส.ค.ในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณางบประมาณตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการต่าง ๆ และได้มีการพิจารณางบประมาณจากคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มีเรื่องงบประมาณการจัดชื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ รวมอยู่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.00 น. กองทัพเรือได้ส่งผู้แทนเข้ายื่นหนังสือต่อ กมธ.งบประมาณฯ ต่อมาเวลา 15.30 น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธาน กมธ.งบประมาณฯ เปิดเผยต่อที่ประชุมว่าได้รับหนังสือจากกองทัพเรือให้ตัดลดงบประมาณในการจ่ายค่าเรือดำน้ำในปีงบประมาณ 2564 วงเงิน 3,925 ล้านบาท และ ประธาน กมธ.งบประมาณฯ ได้เสนอญัตติตัดลดงบประมาณดังกล่าว โดยที่ประชุมให้ความเห็นชอบ 63 เสียง และงดออกเสียง 3 เสียง
จากนั้น นายสันติ เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า กองทัพเรือได้ทำหนังสือถึง กมธ.งบประมาณฯ ว่าขอปรับลดงบประมาณการจัดหาเรือดำน้ำจำนวน 2 ลำ เนื่องจากประเทศประสบปัญหาวิกฤติไวรัสโควิด – 19 และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ทำให้กองทัพเรือเห็นว่าควรตัดลดงบประมาณส่วนนี้มาช่วยเหลือประเทศ เลื่อนการจ่ายงบประมาณออกไปอีก 1 ปี ซึ่งตรงนี้ต้องขอขอบคุณกองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม และรัฐบาล
นายสันติ กล่าวต่อว่า ในขั้นตอนต่อไปกองทัพเรือต้องไปเจรจากับผู้รับจ้างผลิตเรือดำน้ำและประเทศจีนถึงรายละเอียดการจ่ายเงินครั้งต่อไป รวมไปถึงผลประโยชน์ในส่วนที่เราจะได้รับจากประเทศจีนด้วย และที่สำคัญเรือดำน้ำทั้ง 2 ลำได้ผ่าน พ.ร.บ.งบประมาณปี 2563 แล้ว เป็นขั้นตอนในการไปเจรจาเซ็นต์สัญญาและการขั้นตอนการผ่อนจ่ายในแต่ละปี ปีละประมาณ 3,000 ล้านบาท โดยที่งบประมาณที่ไม่ได้จ่ายในปีนี้ อาจจะต้องไปจ่ายในปี 2571 กองทัพเรือต้องไปเจรจาให้ได้ประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุด
นอกจากนี้นายสันติ ได้เปิดเผยหนังสือ ร่างข้อสังเกตคณะ กมธ.งบประมาณฯ เกี่ยวกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ ได้ระบุว่า โครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำ ได้ผ่านการพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณ ปี 2563 แล้ว ในลักษณะก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ เนื่องจากงบประมาณในการจัดซื้อเรือดำน้ำถูกโอนไปช่วยเหลือวิกฤติโควิด ดังนั้นให้ดำเนินการโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำโดยเริ่มชำระเงินงวดแรกในงบประมาณปี 2565 แทน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กองทัพเรือได้ส่งหนังสือแจ้ง กมธ.งบประมาณฯ โดยมีสาระสำคัญระบุว่า เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของประเทศ กองทัพเรือพิจารณาโดยรอบคอบแล้ว เห็นว่าการลดงบประมาณของรายการนี้ลง ถึงแม้ว่าจะเกิดผลกระทบเป็นความเสียหายต่อการดำเนินการตามแผนงานโครงการของกองทัพเรือ และส่งผลต่อความสำเร็จในการปฏิบัติงานตามภารกิจที่กำหนดไว้ อันจะส่งผลกระทบถึงประโยชน์ของประเทศชาติในภาพรวมอย่างหลีกเลี่ยงมิได้ด้วยก็ตาม แต่เพื่อให้สอดคล้องกับความจำเป็นตามภาวะการณ์ของประเทศ กองทัพเรือตระหนักถึงประเด็นดังกล่าว และขอปรับลดงบประมาณในการจัดหาเรือดำน้ำ 2 ลำในปีงบประมาณ 2564 คงเหลืองบประมาณในปีนี้จำนวน 0 ล้าบาท เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวด่วนต่อสื่อมวลชน เพื่อชี้แจงกรณีคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 เตรียมพิจารณาโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำของกระทรวงกลาโหม ว่า นายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลกระทรวงกลาโหมโดยตรง ได้พูดคุยกันเป็นการภายในกับกองทัพเรือ และได้ข้อสรุปว่าให้กองทัพเรือชะลอการสั่งซื้อเรือดำน้ำ 2 ลำออกไปก่อน เพื่อให้ประชชนตระหนักถึงความตั้งใจของนายกรัฐมนตรี อีกทั้งยัง กมธ.งบประมาณฯ พิจารณานำเงินดังกล่าวไปใช้เพื่อวัตถุประสงค์อื่น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลประชาชนเรื่องปากท้องหรือเรื่องอื่นๆที่คิดว่าเหมาะสม โดยจากนี้ได้มอบหมายให้กองท่ัพเรือเข้าชี้แจงรายละเอียดการชะลอโครงการต่อ กมธ.งบประมาณฯต่อไป
นายอนุชา กล่าวด้วยว่า สำหรับโครงการจัดซื้อเรือดำน้ำเป็นโครงการเดิมที่ถูกเลื่อนมาจากปีงบประมาณ 2563 ซึ่งได้มีการของบประมาณเพื่อจ่ายเงินงวดแรก จำนวน 3,375 ล้านบาท แต่ต่อมาประเทศเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด จึงได้ขอเลื่อนโครงการออกไปก่อน กระทั่งปีงบประมาณ 2564 ที่มีการพิจารณากันอยู่ในขณะนี้ได้มีการพูดถึงโครงกาเรรือดำน้ำกันอย่างแพร่หลายตามที่ปรากฎในข่าว อีกทั้งมีการแสดงความกังวลในด้านต่างๆ นายกรัฐมนตรีจึงได้ตัดสินนใจชะลอโครงการออกไปอีก 1 ปี
เมื่อถามว่าได้มีการเจรจาขอชะลอโครงการกับจีนแล้วใช่หรือไม่ นายอนุชา กล่าวว่า วันนี้คงต้องให้กองทัพเรือพูดคุยกับทางการจีนอีกครั้งหนึ่ง โดยช่วงบ่ายวันนี้จะมีการประชุมสภากลาโหมที่อาจจะได้มีการสอบถามกับกองทัพเรือเพิ่มเติมว่าได้มีการเจรจาอย่างไรหรือไม่ อย่างไรก็ตามแม้ว่ารัฐบาลจะชะลอโครงการดังกล่าวออกไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ กมธ.งบประมาณฯว่าจะพิจารณาอย่างไร ซึ่งนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเห็นว่าหากชะลอออกไปก่อน จะสามารถนำเงินไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้ และคงให้กองทืพเรือพิจารณาดำเนินการอื่นๆ เพื่อไม่ให้มีปัญหาเรื่องความมั่นคงต่อไป
ขณะที่รัฐสภาในช่วงเช้าวันนี้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่มีการพิจารณางบประมาณจัดซื้อเรือดำน้ำรวมอยู่ด้วย
นายวราเทพ รัตนากร ในฐานะรองประธาน กมธ.งบประมาณฯ กล่าวก่อนการประชุมว่า ในวันนี้จะมีการพิจารณาให้จบในระเบียบวาระทั้งหมดของอนุกรรมมาธิการที่ค้างอยู่ 5 คณะ รวมไปถึงคณะอนุกรรมาธิการครุภัณฑ์ ไอซีที รัฐวิสาหกิจ และทุนหมุนเวียน ที่มีเรื่องการจัดชื้อเรือดำน้ำ 2 ลำด้วย โดยที่ยังไม่ได้มีการสั่งอะไรที่ให้ถอยหรือพิจารณา ให้เป็นไปตามมติของกมธ.งบประมาณฯ ที่จะลงมติกันในวาระนั้น ทั้งนี้หาก กมธ.ยังต้องการข้อมูลเพิ่มเติมอาจมีการเชิญกองทัพเรือเข้ามาชี้แจงเพิ่มเติม
ด้านนายยุทธพงศ์ จริญเสถียร ในฐานะกมธ.งบประมาณฯและอนุกมธ.ครุภัณฑ์ฯ กล่าวว่า ไม่ทราบว่าจะมีการถอยหรือไม ในการชื้อเรือดำน้ำครั้งนี้ แต่ส่วนตัวยังไม่วางใจว่ารัฐบาลจะยอมถอย ตนมองว่าให้เป็นเรื่องของ กมธ.งบประมาณฯพิจารณากันเองไม่ใช่ฝ่ายบริหารมาสั่งได้ มิเช่นนั้นจะถือว่าเป็นการครอบงำ กมธ.ได้ ยืนยันว่ากองทัพเรือไม่จำต้องมาชี้แจงอะไรอีก เพราะทั้งหมดจบไปในชั้นอนุกมธ.แล้ว วันนี้กมธ.ต้องลงมติว่าจะซื้อเรือดำน้ำหรือไม่
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage