ศบค.พบป่วยเพิ่ม 3 ราย กลับพร้อมเที่ยวบินลูกอุปทูตซูดาน ส่วน 'ทหารอียิปต์-ลูกทูต' ถูกจำกัดวงกลุ่มเสี่ยงเหลือ 19 ราย ทั้งหมดยังไม่พบผู้ติดเชื้อ ขณะที่กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนีย ระบุ ไม่มีนักการทูตเอสโตเนียเข้าไทย แต่ที่พบเป็นทูตอียู จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงข้อเท็จจริง ด้านโฆษก กต. ยืนยัน คณะทูตไม่มีวีไอพี และต้องพร้อมทำตามมาตรการควบคุมโรคทุกประการ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ก.ค. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่สถานทูตเอสโตเนีย แจ้งขอเข้าพักเพื่อกักตัว 14 วันในคอนโดแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท แต่ได้รับการปฏิเสธจากนิติบุคคล เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ว่า กรณีดังกล่าวเป็นบุคคลจากสถานทูต จำนวน 1 คน เดินทางมาประเทศไทย ผ่านการตรวจคัดกรองอย่างถูกต้อง ผลปรากฎว่าไม่พบเชื้อ ต่อมาเมื่อได้รับการปฏิเสธจากทางคอนโดดังกล่าว จึงได้มีการย้ายที่พักไปในโรงแรมที่เข้าร่วม Alternative State Quarantine (ASQ) ซึ่งกรณีนี้คือ โรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยต์ เทอร์มินอล 21
ด้าน นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวยืนยันว่า นักการทูตที่เดินทางเข้ามาในประเทศ เพื่อปฏิบัติภารกิจการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศนั้นมีมาเป็นระยะ แต่อาจจะไม่ได้มีจำนวนมาก และต้องเข้ามาภายใต้กรอบกฎระเบียบที่วางไว้ตามมาตรการของ ศบค. ขอยืนยันว่า นักการทูตไม่ใช่เป็นวีไอพี อย่างที่หลายคนเข้าใจ เพียงแต่เขามีการคุ้มครองตามอนุสัญญาเวียนนา เพื่อให้ปฏิบัติหน้าที่ในประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม นักการทูตจะต้องเคารพและปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายประเทศเจ้าบ้านด้วย ซึ่งกรณนี้หมายถึงการปฏิบัติตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด
อย่างไรก็ตาม พล.อ.สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมในวันนี้ เพื่อทบทวนมาตรการต่างๆให้มีความเข้มงวดมากขึ้น โดยช่วงนี้เป็นระยะเปลี่ยนผ่านกฎระเบียบต่างๆ คือ ยังต้องใช้ระเบียบเดิม ให้ใช้ที่พักเป็นที่กักตัว 14 วัน ภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัด ขณะเดียวกันกระทรวงการต่างประเทศได้แจ้งให้คณะทูตต่างๆรับทราบแล้วว่า จะมีการเพิ่มมาตรการอย่างไร เช่น เมื่อตรวจหาเชื้อโควิดที่สนามบิน จะต้องรอจนทราบผลก่อนว่าเป็นอย่างไร จึงจะเดินทางออกจากสนามบินได้ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเหมือนกรณีลูกสาวอุปทูตซูดาน
ขณะที่ นายวีระชัย เตชะวิจิตร์ กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์เอสโตเนียประจำกรุงเทพมหานคร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Virachai Techavijit ระบุว่า ขอชี้แจงเรื่องข่าวบิดเบือนที่ว่านักการทูตเอสโตเนียเข้าเมืองไทยในฐานะนักการทูตเอสโตเนีย ข้อเท็จจริงปรากฎว่าท่านนี้เป็นนัการทูตของสหภาพยุโรป (อียู) ประจำประเทศไทย จึงถือว่าอยู่ในความรับผิดชอบของอียู และอียูจึงต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของ ศบค.อย่างเคร่งครัด ทั้งประเทศเอสโตเนีย และสถานกงสุลใหญ่ของข้าพเจ้าไม่ทราบการเข้าออกประเทศไทย และจะเข้าไปก้าวก่ายการปฎิบัติราชการของอียูไม่ได้ คาดว่าวันนี้ทางอียูหรือกระทรวงต่างประเทศ หรือ โฆษกของ ศบค. จะได้แถลงข้อเท็จจรืงของความสับสนนี้ให้ทราบต่อไป
ส่วนความคืบหน้ากรณีลูกเรือเครื่องบินทหารอียิปต์ติดเชื้อโควิด ที่ได้เข้าพักและท่องเที่ยวในห้างสรรพสินค้า จ.ระยองนั้น ล่าสุด ศบค.จำกัดวงกลุ่มเสี่ยงที่จะมีการติดเชื้อ เหลือเฉพาะกลุ่มบุคคลที่อยู่ในบริเวณ ชั้น 7-8 ของโรงแรมดีวารี โดยขณะนี้มีผู้สัมผัสความเสี่ยงสูงทั้งหมด 12 ราย ล่าสุดการตรวจยังไม่พบเชื้อ และให้มีการกักตัว 14 วัน ขณะเดียวกันมีผู้สมัครใจขอรับการตรวจหาเชื้อในช่วงวนัที่ 14-16 ก.ค.จำนวน 3,832 ราย และยังไบพบว่ามีการติดเชื้อในประเทศแต่อย่างใด
ขณะที่กรณีของลูกสาวอุปทูตซูดาน นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มีผู้ที่สัมผัสทั้งหมด 381 ราย ผลตรวจยังไม่พบผู้ติดเชื้อ และผู้ที่มีความเสี่ยงสูง 7 ราย ผลตรวจยังไม่พบเชื้อ ให้อยู่ในพื้นที่กักกัน 14 วันเช่นเดียวกัน
สำหรับสถานการณ์ประจำวัน วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 3 ราย กลับจากประเทศซูดาน เป็นเที่ยวบินเดียวกันกับลูกสาวอุปทูตที่ตรวจพบเชื้อโควิดไปก่อนหน้านี้ โดยทั้งหมดตรวจพบเชื้อในสถานกักตัวที่รัฐจัดให้ (State Quarantine) ทำให้ผู้ป่วยยืนยันสะสมอยู่ที่ 3,239 ราย หายป่วยแล้ว 3,096 ราย อยู่ระหว่างรักษาตัวในโรงพยาบาล 85 ราย เสียชีวิตคงเดิมที่ 58 ราย
ขณะที่สถานการณ์โลกวันนี้ พบผู้ติดเชื้อรายใหม่กว่า 255,010 ราย รวม 13,946,637 ราย รักษาหายแล้ว 8,277,741 ราย เสียชีวิต 592,677 ราย สหรัฐอเมริกา ป่วยเพิ่มขึ้นวันเดียว 73,388 ราย รวม 3,695,025 ราย เสียชีวิต 114,118 ราย บราซิลเพิ่มขึ้น 43,829 ราย รวม 2,014,738 ราย เสียชีวิต 76,822 ราย และอินเดีย เพิ่มขึ้นวันเดียว 35,468 ราย รวม 1,005,637 ราย เสียชีวิต 25,609 ราย โดยไทยขยับไปอยู่อันดับที่ 101 ของโลก
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/