ผู้ว่าฯระยอง ออกคำสั่งปิดโรงแรมที่ ‘ทหารอียิปต์’ พร้อมพวกพัก หลังพบติดเชื้อโควิด-19 สั่งกักตัว พนง.ด้วย ส่งทีมแพทย์เข้าไปเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ เตรียมดูกล้องวงจรปิดตรวจสอบว่าไปสถานที่แห่งใดอีกบ้าง ก่อนมีมาตรการต่อไป
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2563 นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. แถลงตอนหนึ่งว่า พบผู้ป่วยรายใหม่เป็นทหารสัญชาติอียิปต์ อายุ 43 ปี ที่เดินทางเข้าไปไทย โดยอ้างว่าเป็นลูกเรือเข้ามาปฏิบัติภารกิจทางการทหาร โดยพบว่าทหารรายนี้ได้เดินทางออกจากโรงแรม ไปสถานที่บางแห่งใน จ.ระยอง เช่น ห้างสรรพสินค้า และสถานที่ต่าง ๆ ทำให้ต้องมีการสอบสวนโรคทุกแห่งนั้น (อ่านประกอบ : ศบค.พบทหารอิยิปต์ป่วยโควิด มีประวัติพักโรงแรม-ห้าง จ.ระยอง สั่งสอบสวนโรคอย่างละเอียด)
วันเดียวกัน เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. นายสุรศักดิ์ เจริญศิริโชติ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง กล่าวถึงกรณีดังกล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งปิดโรงแรมที่ผู้ติดเชื้อพร้อมพวกรวม 30 ราย เข้าพัก รวมทั้งหมด 2 ชั้น และกักตัวพนักงานโรงแรม 12 คน พร้อมให้ทีมแพทย์สาธารณสุขเข้าเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจหาเชื้อแล้ว นอกจากนี้ยังเตรียมตรวจสอบกล้องวงจรปิดของทางโรงแรม เพื่อตรวจสอบว่าเดินทางไปที่ใดบ้าง รวมถึงตรวจสอบกล้องวงจรปิดในห้างสรรพสินค้าที่ระบุว่าได้ไปเดินเที่ยว หากพบก็จะมีมาตรการต่อไป
ส่วน นพ.สุนทร เหรียญภูมิการกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจหาเชื้อจากผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ เข้าเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อของพนักงานที่สัมผัสใกล้ชิดรวม 12 คน เพื่อนำไปตรวจสอบที่โรงพยาบาลระยอง นอกจากนี้ยังมีพนักงานที่ทำงานงานในวันที่ผู้ติดเชื้อเข้าพัก กำลังอยู่ระหว่างคัดกรอง
ขณะที่ นพ.ไชยสิทธิ์ เทพชาตรี ผอ.โรงพยาบาลระยอง เปิดเผยว่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวทางโรงพยาบาลระยอง ได้เตรียมความพร้อมของห้องแล็ปตรวจหาเชื้อโควิด-19 ไว้พร้อมแล้ว โดยรอการนำผลจากการเก็บตัวอย่างของเจ้าหน้าที่สาธารณสุข จ.ระยอง
ด้าน พล.ร.ท.กฤชพล เรียงเล็กจำนงค์ ผู้อำนวยการการท่าอากาศยานอู่ตะเภา กล่าวว่า ขั้นตอนการปฏิบัติสำหรับผู้โดยสารที่เดินทางเข้ามาในท่าอากาศยานอู่ตะเภาต้องปฏิบัติการตามมาตรการที่ ศบค.กำหนด โดยการท่าอากาศยานอู่ตะเภาจะมีศูนย์ปฏิบัติการที่แต่งตั้งขึ้นโดยผู้ว่าราชการจังหวัดระยองให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามคำสั่งของ ศบค. ที่นายกรัฐมนตรีลงนามไปเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ให้อำนาจผู้ว่าราชการจังหวัดในการออกกฎกติกาและการบริหารจัดการต่างๆ
พล.ร.ท.กฤชพล กล่าวว่า คณะดังกล่าวมีทั้งหมด 31 คน คาดว่ามีเพียงหนึ่งคนในคณะนั้นหนีออกมาข้างนอกระหว่างที่เข้าพัก แต่ข้อมูลที่ถูกต้องขอให้ตรวจสอบกับทาง ศบค.อีกครั้ง
เมื่อถามว่า คาดว่าคนที่หนีออกมาคือคนที่ตรวจพบเชื้อหรือไม่ พล.ร.ท.กฤชพล กล่าวว่า ตนไม่ทราบ คงต้องถามรายละเอียดจากทาง ศบค.ทั้งหมด ทั้งนี้ ยืนยันว่าขั้นตอนการตรวจสนามบินไม่พบความผิดปกติ ซึ่งการตรวจสอบก็ทำด้านนอกเทอร์มินอล ไม่ได้เข้ามาปะปนในอาคารผู้โดยสาร เพราะเป็นลักษณะของ State aircraft มีการแจ้งเข้า-ออก ในประเทศล่วงหน้าและต้องรับอนุญาตในเรื่องแผนการบิน และตารางการอยู่ในประเทศ ซึ่งมีหน่วยงานรับผิดชอบอยู่แล้วที่ประเทศต้นทางจะต้องประสานมาทางกระทรวงการต่างประเทศ สถานทูตในประเทศไทย สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย เป็นขั้นตอนทางการทูต (Diplomatic clearance) ซึ่งการท่าอากาศยานฯ ไม่มีอำนาจไปยับยั้ง แต่มีอำนาจในการตรวจสอบตามมาตรการที่กำหนดเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส
#กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage