นายกฯ ยันต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือน เพื่อสุขภาพคนไทย ไม่ใช่เพื่ออำนาจตนเอง ย้ำไม่เคยปิดกั้นประชาชน-การชุมนุมต้องขออนุญาตตามกฎหมาย สั่งตรวจอาบอบนวด หลังผ่อนปรนเฟส 5 หากพบค้าประเวณีต้องถูกลงโทษ ปัดทำงบปี 64 แบบแช่แข็งประเทศ ยืนยันใช้มาตรการเหมือนต่างประเทศในการรับมือโควิดและเศรษฐกิจโลก
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 1 เดือนถึง 31 ก.ค.เป็นไปตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) พิจารณา ส่วนกรณีที่มีการคัดค้านเรื่องนี้ ขอไม่ตอบ เพราะเรื่องนี้มีเหตุผลความจำเป็นอยู่แล้ว ไม่ได้ปิดกั้นประชาชน ส่วนการชุมนุมก็เป็นเรื่องที่ต้องขออนุญาตชุมนุมตามกฎหมาย ส่วนเหตุผลที่เขาไม่อยากให้มีการรวมกลุ่มกันมากๆ ตอนนี้ เพราะป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด ส่วนพวกท่านจะกลัวหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่าน แต่ขอให้ใจเจตนารมณ์ของรัฐบาลในการบังคับใช้กฎหมายด้วย
“เรื่องนี้ทำเพื่อสุขภาพทุกคน ไม่ใช่เพื่ออำนาจของผม อำนาจอยู่กับเราไม่นานถ้ามันไม่มีวิธีใช้ให้มันโปร่งใส ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมาย และผมก็ใช้ตามกฎหมาย ไม่ใช่นอกกฎหมาย เฮ้อ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนการผ่อนปรนระยะที่ 5 ที่อนุญาตให้ผับ บาร์ คาราโอเกะ หรืออาบอบนวด เปิดให้บริการตามปกติ เป็นเรื่องที่เราคำนึงว่าจะสร้างสมดุลกับภาคเศรษฐกิจ และช่วยเหลือผู้ประกอบการ หรือคนที่อยู่ในห่วงโซ่อาชีพเหล่านี้ได้อย่างไร ส่วนกรณีที่สังคมกังวลว่าเงื่อนไขห้ามค้าประเวณีจะปฏิบัติได้จริงหรือไม่ คงมีการเข้าไปตรวจสถานที่ต่างๆบ้าง ขอให้ทุกคนระมัดระวังหากถูกจับได้จะถูกลงโทษ และหากไม่ปฏิบัติตามมาตรการก็มีกฎหมายอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามการผ่อนปรนระยะต่อไปยังมีความเสี่ยงอยู่ รัฐบาลจึงได้เตรียมความพร้อมด้านสาธารณสุขไว้รองรับ และขึ้นอยู่กับทุกคนว่าจะร่วมมือกันหรือไม่
“ทุกคนรู้อยู่แล้วว่าอะไรคือความเสี่ยง อะไรคืออันตราย ดังนั้นอย่าเผลอพลั้งลืมตัว เช่น ดื่มสุราแล้วไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นอันตราย และนายกรัฐมนตรีเป็นห่วงทุกคน ส่วนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อทำให้ทุกหน่วยงานได้บูรณาการทำงานภายใต้กฎหมาเดียวกัน แม้ว่าหลายพื้นที่จะมองว่าไม่ติดเชื้อแล้ว แต่ต้องถือว่ายังมีโอกาสแพร่เชื้อหรือไปรับเชื้อมาจากที่อื่นอยู่ ดังนั้นต้องมีมาตรการกลางเพื่อให้ทุกหน่วยงานทำงานร่วมกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อไปว่า ในส่วนความพร้อมการเปิดเทอมวันที่ 1 ก.ค.นี้ กระทรวงศึกษาธิการได้รายงานมาตรการให้รับทราบแล้ว ซึ่งขณะนี้โรงเรียนทั่วประเทศมีความพร้อมประมาณ 80% บางโรงเรียนยังไม่พร้อมก็ยังไม่ต้องเปิด และหาแนวทางอื่นไปก่อน เช่น เรียนออนไลน์หรือปรับการเหลื่อมเวลาเรียนให้ได้ เชื่อว่าหลังจากนี้ระบบการศึกษาจะต้องปรับทั้งระบบ ทุกคนต้องมีการตื่นตัว ยกระดับมาตรฐานทางการศึกษาให้เพิ่มมากขึ้น
ขณะที่ความพร้อมในการชี้แจงร่าง พ.ร.บ.งบประมารประจำปี 2564 ที่จะเข้าสู่การพิจารณาในวันที่ 1 ก.ค.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานเตรียมความพร้อมชี้แจงให้มากที่สุด รัฐบาลพร้อมรับฟังความเห็นที่เป็นประโยชน์ แต่ต้องขอให้ทุกคนเข้าใจระบบงบประมาณด้วย พูดจาอะไรก็ต้องให้เกียรติกัน เหมือนที่ตนให้เกียรติทุกคน
ส่วนการใช้จ่ายงบประมาณ ตนได้ย้ำกับทุกหน่วยงานทุกครั้งว่า ต้องใช้ให้คุ้มค่า ให้มีประสิทธิภาพ และต้องเป็นไปตามกฎหมายพร้อมรับการตรวจสอบทั้งภายในและภายนอก ทั้งหมดดำเนินการตามหลักการคือโปร่งใส มีประสิทธิภาพ และตรวจสอบได้ และวันนี้ก็เห็นว่ามีหลายคดีถูกตัดสินไปแล้ว ส่วนตัวก็เห็นใจ แต่กฎหมายก็คือกฎหมาย
“ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่างบปี 64 จะเป็นการแช่แข็งประเทศ เอาอะไรมาพูด เพราะเรามีสถานการณ์โควิด และเจอภาวะเศรษฐกิจโลก เมื่อไปดูว่าต่างประเทศมีมาตรการรองรับเรื่องเหล่านี้อย่างไร ทั้งลดอกเบี้ย ปรับดอกเบี้ย และเพิ่มทุนหมุนเวียน ผมก็ทำแบบที่คนอื่นเขาทำ แต่รายละเอียดยิบย่อยอาจจะไม่เหมือนกัน เพราะต้องดูด้วยว่าเรามีความเข้มแข็งพอหรือไม่ แต่ทั้งหมดอยู่ที่หลักการที่วันนี้ทุกคนต้องรวมไทยสร้างชาติไปด้วยกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage