ยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย! ศาลอาญาพิพากษายกยงฟ้อง ‘ศุภชัย ศรีศุภอักษร’ คดีฉ้อโกง 2 สำนวน มูลค่า 1 พันล้านเศษ หลังโจทก์ไม่นำผู้ตรวจการณ์สหกรณ์มาเบิกความ-มีเพียงคำบอกเล่าจากพยานที่ไม่อยู่ในเหตุการณ์-ไม่เป็นสมาชิกสหกรณ์คลองจั่นฯ พยานหลักฐานรับฟังไม่ได้ว่าผิดตามฟ้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2563 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษายกฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่ง จำกัด ในคดีที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด รวม 2 คดี ได้แก่
1.คดีหมายเลขดำที่ อ.1260/2561 โดย น.ส.นวลฉวี เกตุวัฒนเวสน์ กับพวกรวม 410 ราย เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด และนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-2 ถูกกล่าวหาว่า ฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 343 โดยเหตุเกิดระหว่างปี 2552-2556 สหกรณ์คลองจั่นฯ และนายศุภชัย โฆษณาเผยแพร่ว่าสหกรณ์คลองจั่นฯมีสถานะการเงินมั่นคง เป็นเหตุให้โจทก์และประชาชนหลงเชื่อ ทำให้สหกรณ์คลองจั่นฯ และนายศุภชัย ได้มาซึ่งเงินหรือทรัพย์สินของโจทก์จำนวน 1,115,567,027.51 บาท
คดีนี้ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า แม้ว่าสหกรณ์คลองจั่นฯจะใช้คำว่า U BANK และมีข้อความว่า ‘ธนาคารที่คุณเป็นเจ้าของ’ ก็ตาม แต่ก็มีสถานะเป็นสหกรณ์ออมทรัพย์มิใช่ธนาคารพาณิชย์ ส่วนที่โจทก์ 410 รายกล่าวอ้างว่า มีการปกปิดหรือจัดทำงบประมาณเงินอันเป็นเท็จหลอกลวงสมาชิกนั้น โจทก์มิได้นำผู้ตรวจการณ์สหกรณ์มาเป็นพยานยืนยันว่า สหกรณ์คลองจั่นฯ จัดทำบัญชีงบการเงินเป็นเท็จจริงหรือไม่ แม้คณะกรรมการดำเนินงานของสหกรณ์คลองจั่นฯ จะบริหารงานโดยฝ่าฝืนข้อบังคับ และไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ แต่เป็นการกระทำที่อยู่นอกวัตถุประสงค์ เมื่อสหกรณ์คลองจั่นฯ เป็นนิติบุคคลย่อมกระทำผ่านทางคณะกรรมการดำเนินการ หากคณะกรรมการดำเนินการกระทำนอกวัตถุประสงค์ส่อไปในทางไม่สุจริตเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือบุคคลอื่น จะถือเอาการกระทำของคณะกรรมการดำเนินการเป็นการกระทำของสหกรณ์คลองจั่นฯไม่ได้
นอกจากนี้โจทก์ทั้ง 410 ราย มิได้นำพยานหลักฐานมาสืบให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่สหกรณ์คลองจั่นฯตกลงจะให้เป็นอัตราที่สูงกว่าผลตอบแทนหรือดอกเบี้ยของสถาบันการเงินอื่นในขณะนั้นมากน้อยเพียงใด และสหกรณ์คลองจั่นฯไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยให้แก่สมาชิกในอัตราดังกล่าวได้ หรือการกำหนดอัตราดอกเบี้ยเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่ ประกอบกับก่อนเกิดเหตุโจทก์ทั้ง 410 ราย สามารถเบิกถอนเงิน และได้รับดอกเบี้ย และเงินปันผลตามปกติ เพิ่งมาเกิดเหตุการณ์ที่ไม่สามารถเบิกเงินได้เมื่อวันที่ 2 พ.ย. 2556 พฤติการณ์จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่า สหกรณ์คลองจั่นฯมิได้หลอกลวงโจทก์ทั้ง 410 ราย ดังนั้นการที่สหกรณ์คลองจั่นฯ ไม่สามารถทำธุรกรรมเบิกถอนเงินและจ่ายผลตอบแทนให้แก่สมาชิกได้ จึงไม่ใช่เกิดจากการหลอกลวง พยานหลักฐานของโจทก์จึงยังรับฟังไม่ได้ว่าสหกรณ์คลองจั่นฯกระทำความผิดตามฟ้อง
ส่วนกรณีนายศุภชัยนั้น โจทก์นำสืบโดยไม่มีรายละเอียดถึงพฤติการณ์ว่ากระทำการหลอกลวงอันเป็นความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนต่อโจทก์ทั้ง 410 รายอย่างไร อีกทั้งในการจัดประชุมใหญ่ประจำปีสหกรณ์คลองจั่นฯ ไม่ปรากฏว่าโจทก์ 410 รายคัดค้านหรือโต้แย้ง และโจทก์มิได้นำผู้ตรวจการณ์สหกรณ์มาเบิกความยืนยันว่าจัดทำงบการเงินอันเป็นเท็จหรือไม่ แม้โจทก์ 410 รายจะมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน (ปัจจุบันเป็น ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ) มาเบิกความถึงพฤติการณ์ของนายศุภชัย แต่นายไพบูลย์เป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจให้เป็นผู้ดำเนินคดีกับสหกรณ์คลองจั่นฯ และนายศุภชัย แทนโจท์ และไม่ได้เป็นสมาชิกสหกรณ์คลองจั่นฯ มิได้รู้เห็นเกี่ยวกับพฤติการณ์ของนายศุภชัย เพียงแต่ได้รับคำบอกเล่ามาเบิกความตามที่รับฟังมาเท่านั้น
ส่วนที่โจทก์อ้างคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ที่วินิจฉัยว่า นายศุภชัย กับพวกทุจริตยักยอกเงินของสหกรณ์คลองจั่นฯ แต่เมื่อนายศุภชัย มิได้เป็นคู่ความในคดีดังกล่าว คำพิพากษาของศาลปกครองกลางจึงไม่ผูกพันกับนายศุภชัยในคดีนี้ อีกทั้งแม้ขณะเกิดเหตุนายศุภชัย ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการฯก็ตาม แต่ในการบริหารงานต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการดำเนินงาน หาใช่นายศุภชัยสั่งคนเดียวไม่ เมื่อโจทก์กล่าวอ้างว่านายศุภชัย กระทำความผิด แต่ไม่มีพยานหลักฐานชัดเจนว่าหลอกลวงอย่างไร มีเพียงพยานบุคคลซึ่งมิได้รู้เห็นมาเบิกความเพียง 3 ปากเท่านั้น
พยานหลักฐานของโจทก์ยังมีข้อสงสัยตามสมควรว่า นายศุภชัยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย พิพากษายกฟ้อง
2.คดีหมายเลขดำที่ อ.235/2562 โดยนายคนอง จุลมนต์ กับพวกรวม 292 คน โดยนายไพบูลย์ นิติตะวัน ผู้รับมอบอำนาจโจทก์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด กับนายศุภชัย อดีตประธานบริหารฯ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341, 83 โดยบรรยายฟ้องลักษณะเดียวกับคดีหมายเลขดำที่ อ.1260/2561
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้วเห็นว่า โจทก์ไม่ได้นำพยานหลักฐานมาแสดงเรื่องการขาดทุน และไม่นำผู้ตรวจบัญชีมาเบิกความถึงข้อบกพร่อง มีความเป็นเบิกความของผู้รับมอบอำนาจซึ่งไม่ใช่สมาชิก ไม่มีพยานหลักฐานแสดงว่าเป็นเท็จอย่างไร และนายศุภชัยให้การปฏิเสธมาโดยตลอด พยานหลักฐานจึงยังฟังไม่ได้ว่า สหกรณ์คลองจั่นฯ และนายศุภชัย กระทำผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้องเช่นกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นอกเหนือจาก 2 คดีดังกล่าวแล้ว ก่อนหน้านี้นายศุภชัยเคยถูกศาลพิพากษาจำคุก 7 ปี ในความผิดฐานยักยอกเงินสหกรณ์คลองจั่นฯ จำนวน 22,132,000 บาท เป็นของตนเองโดยทุจริต และปัจจุบันนายศุภชัย ตกเป็นจำเลยถูกกล่าวหาในคดีเกี่ยวกับการทุจริต การฉ้อโกง และการฟอกเงินของสหกรณ์คลองจั่นฯอีกหลายสำนวน
อ่านประกอบ :
ขมวดเส้นทางเงินหมื่นล.! คดีสหกรณ์คลองจั่นก่อนศาลสั่งคุก 16 ปี‘ศุภชัย’
เบื้องหลัง! ปปง.ตีปี๊บอายัดเศษกระดาษ 6.6พันล."ศุภชัย-อดีตพระธรรมกาย"
เจาะคำสั่งอายัดทรัพย์ "ศุภชัย-พวก" 4.4พันล. เหลือ "ธรรมกาย" ตามคืนไม่ได้
8 ปี ได้คืนแน่ 4.8 พันล.! ส.คลองจั่นทำใจสูญหมื่นล. “ธรรมกาย”จ่ายแล้ว 600 ล.
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/