ไทยเเพนยื่นหนังสือ 'สุริยะ' ค้านเลื่อนเวลาเเบนพาราควอต -คลอร์ไพริฟอส จาก 1 มิ.ย. เป็น 31 ธ.ค. 63 หรือจนกว่าโควิด-19 จะสิ้นสุด ตามข้ออ้าง 'กลินท์' ปธ.คกก.หอการค้าฯ ชี้เหตุผลกังวลสารตกค้างในผลผลิตนำเข้า 'ฟังไม่ขึ้น!' ขณะที่ คกก.วัตถุอันตราย นัดถก 30 เม.ย.
วันที่ 28 เม.ย. 2563 ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม เครือข่ายสนับสนุนการเเบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายเเรง หรือไทยเเพน นำโดย น.ส.ปรกชล อู๋ทรัพย์ ผู้ประสานงานเครือข่ายสนับสนุนการเเบนสารพิษฯ เข้ายื่นหนังสือ เรื่อง ข้อเสนอเเละความเห็นเกี่ยวกับการยกเลิกการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร พาราควอตเเละคลอร์ไพริฟอส ถึงนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ในฐานะประธานคณะกรรมการวัตถุอันตราย ผ่านนางรัตนา รักษ์ตระกูล ผอ.กองบริหารจัดการวัตถุอันตราย กรมโรงงานอุตสาหกรรม เพื่อคัดค้านการขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศในการกำหนดให้พาราควอตเเละคลอร์ไพริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครอง จากวันที่ 1 มิ.ย. 2563 เป็น 31 ธ.ค. 2563 หรือจนกว่าการระบาดไวรัสโคโรน่า 2019 หรือโควิด-19 จะสิ้นสุดลง
ทั้งนี้ รายละเอียดของหนังสือฉบับดังกล่าว มีดังต่อไปนี้
ตามที่เครือข่ายสนับสนุนการเเบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายเเรง ซึ่งเป็นเครือข่ายภาคประชาสังคมที่ตระหนักเเละห่วงกังวลเกี่ยวกับปัญหาผลกระทบของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายต่อสุขภาพเเละสิ่งเเวดล้อม เเละติดตามการพิจารณาควบคุมการใช้วัตถุอันตรายทางการเกษตร พาราควอต คลอร์ไพริฟอส เเละไกลโฟเซตมาโดยตลอด
เมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2563 ได้ปรากฎข่าวที่อ้างถึงหนังสือเลขที่ สค.065/2563 จากนายกลินท์ สารสิน ประธานคณะกรรมการหอการค้าเเห่งประเทศไทย เพื่อขอขยายระยะเวลาการบังคับใช้ประกาศในการกำหนดให้พาราควอตเเละคลอร์ไฟริฟอสเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 จาก 1 มิ.ย. 2563 เป็น 31 ธ.ค. 2563 หรือจนกว่าการเเพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 จะสิ้นสุดลง เเละมีผู้ประกอบการธุรกิจเคมีเกษตรติดตามการออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียนใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตรายเเละการต่ออายุวัตถุอันตรายพาราควอต คลอร์ไพริฟอส เเละไกลโฟเซต นั้น
เครือข่ายฯ เห็นว่า
1.ข้ออ้างของนายกลินท์ สาระสิน ให้ขยายเวลาการเเบนพาราควอตเเละคลอร์ไพริฟอสออกไปเป็นปลายปี 2563 โดยกังวลเรื่องการตกค้างของสารเคมีกำจัดศัตรูพืชทั้ง 2 ชนิด ในผลผลิตที่นำเข้าเเล้วจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศนั้นฟังไม่ขึ้น เนื่องจากหลายประเทศทั่วโลกเเบนพาราควอตมากกว่าทศวรรษ สหภาพยุโรปประกาศเเบนคลอร์ไพริฟอสตั้งเเต่วันที่ 1 ก.พ. 2563 หรือเวียนนามเเบนพาราควอต เมื่อปี 2560 เเละเเบนคลอร์ไพริฟอสเมื่อต้นปี 2562 เป็นต้น ไม่มีประเทศใดอ้างปัญหาการตกค้างจนส่งผลกระทบต่อการผลิตเเละอุตสาหกรรมใด ๆ เลย เเม้กระทั่งจดหมายของสหรัฐฯ เมื่อปลายปีที่เเล้ว ที่ส่งมายังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเพื่อคัดค้านการเเบนไกลโฟเซต เเต่ก็ไม่ได้คัดค้านการเเบนเเละอ้างการตกค้างของพาราควอตเเละคลอร์ไพริฟอสเเต่ประการใด
2.ไม่เห็นด้วยกับออกใบสำคัญการขึ้นทะเบียน ใบอนุญาตผลิตวัตถุอันตรายเเละการต่ออายุวัตถุอันตรายเพิ่มเติม ทั้งนี้ เนื่องจากเหตุผลหนึ่งที่คณะกรรมการวัตถุอันตราย ครั้งที่ 1-1/2562 วันที่ 27 พ.ย. 2562 พิจารณาเลื่อนระยะเวลาการเเบนออกไปอีก 6 เดือน เป็น 1 มิ.ย. 2563 เพื่อเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนสามารถจำหน่ายสต็อกสารเคมีกำจัดศัตรูพืชคงค้าง โดยรัฐบาลไม่ต้องเสียค่าทำลาย การนำเข้ามาเพิ่มเติมเป็นการกระทำที่ขัดกับมติเเละเจตนาของการเเบนสารเคมีกำจัดศัตรูปพืชที่มีความเสี่ยงสูงของคณะกรรมการฯ เอง เเละจะถูกครหาว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ต่อบริษัทเอกชน โดยปราศจากเหตุผลที่ชอบธรรมรองรับ
3.เครือข่ายฯ ยืนยันข้อเรียกร้องให้คณะกรรมการวัตถุอันตราย กระทรวงอุตสาหกรรม กรมวิชาการเกษตร เเละหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการออกประกาศกระทรวงว่าด้วยบัญชีรายชื่อวัตถุอันตรายเเละออกมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อปฏิบัติให้เป็นไปตามมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ในการประชุมครั้งที่ 41-9/2562 เมื่อวันที่ 22 ต.ค. 2562 ซึ่งเป็นมติโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งลงมติให้ปรับวัตถุอันตรายพาราควอต คลอร์ไพริฟอส เเละไกลโฟเซต ที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมวิชาการเกษตร จากวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ให้เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ตามหนังสือเลขที่ มชว.-คตส. 013/2563 ลงวันที่ 15 เม.ย. 2563
ในสถานการณ์ที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤตโควิด-19 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ สังคม เเละเศรษฐกิจ เครือข่ายฯ หวังว่าจะไม่เกิดการซ้ำเติมปัญหาสุขภาพทั้งของเกษตรกรเเละผู้บริโภค โดยยื้อการเเบนสารพิษร้ายเเรงทั้ง 3 ชนิดออกไป
ภายใต้วิกฤตนี้ ประเทศต้องทบทวนการผลิตพืชอุตสาหกรรมเชิงเดี่ยวที่ใช้สารพิษที่มีอันตรายร้ายเเรง ปรับเปลี่ยนเป็นเกษตรกรรมผสมผสารที่ลดการใช้สารเคมี ลดต้นทุนการผลิต เเละให้ความสำคัญกับความปลอดภัยเเละความมั่นคงทางอาหารมากยิ่งขึ้น สอดคล้องกับรายงานเเละข้อเสนอของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาเเนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม สภาผู้เเทนราษฎร ที่มีมติด้วยคะเเนนเสียงเอกฉันท์ให้เเบนสารเคมีร้ายเเรงทั้ง 3 ชนิด เเละส่งเสริมเกษตรกรรมอินทรีย์เเละเกษตรกรรมยั่งยืนให้มีพื้นที่ 100% ของพื้นที่เกษตรกรรมในปี 2573
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการวัตถุอันตราย จะมีการประชุมในวันที่ 30 เม.ย. 2563 เวลา 09.30 น. เป็นต้นไป ณ กระทรวงอุตสาหกรรม โดยหนึ่งในวาระการพิจารณา คือ การขยายระยะเวลาเเบนพาราควอตเเละคลอร์ไพริฟอสออกไปเป็น 31 ธ.ค. 2563 .
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage