เลขาธิการศาลยุติธรรมเผย ภาพรวม 10 วันหลังเคอร์ฟิว มีผู้กระทำผิดฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ 10,089 ราย เฉพาะเด็ก-เยาวชน 548 ราย จังหวัดกระทำผิดมากสุดอันดับ 1 กทม.
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. 2563 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เปิดเผยข้อมูลสถิติคดีความผิดตามพระราชกําหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 พระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 และพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 ที่เข้าสู่การพิจารณาของศาลชั้นต้นทั่วประเทศซึ่งศูนย์ข้อมูลคดี สำนักแผนงานและงบประมาณ สำนักงานศาลยุติธรรม ได้รวบรวมสถิติคดีดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ภายหลังรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิว ห้ามบุคคลใดออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึงเวลา 04.00 น. โดยไม่มีความจำเป็นและได้มีการผ่อนปรนข้อยกเว้นการห้ามออกนอกเคหสถานในช่วงเคอร์ฟิวสำหรับบางอาชีพเพิ่มเติมตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 3) ซึ่งมีผลคับใช้ตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
ข้อมูลเฉพาะในวันที่ 13 เมษายน 2563 ซึ่งเป็นวันแรกของเทศกาลสงกรานต์มีจำนวนคดีที่เข้าสู่การพิจารณาของศาล ดังนี้
กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง
1.จำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณา ทั้งหมด 1,320 คดี
2.จำนวนคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จ ทั้งหมด 1,211 คดี (คิดเป็นร้อยละ 91.74)
3.ข้อหาที่มีการกระทำความผิด แบ่งเป็น ผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำนวน 1,553 คน (สัญชาติไทย 1,469 คน / สัญชาติอื่น 84 คน) และผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จำนวน 39 คน (สัญชาติไทย 38 คน / สัญชาติอื่น 1 คน)
4.จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิด สูงสุด 3 อันดับ ในแต่ละข้อหา แบ่งเป็น ผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อันดับ 1 ชลบุรี จำนวน 110 คน และกรุงเทพมหานคร จำนวน 110 คน อันดับ 2ระยอง จำนวน 75 คน อันดับ 3 ลพบุรี จำนวน 64 คน ผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อันดับ 1ชลบุรี จำนวน 18 คน อันดับ 2ยะลา จำนวน 12 คน อันดับ 3สมุทรสาคร จำนวน 3 คน
กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว
1.จำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 68 คำร้อง
2.ข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุมได้แก่ พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำนวน 68 คน (สัญชาติไทย 65 คน / สัญชาติอื่น 3 คน)
3.ผลการตรวจสอบการจับ ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 68 คน
ภาพรวมสถิติคดีสะสมตั้งแต่วันที่ 3 – 13 เมษายน 2563 (10 วันหลังประกาศเคอร์ฟิว) มีดังนี้
กลุ่มศาลอาญา ศาลจังหวัด และศาลแขวง
1. จำนวนคดีที่ขึ้นสู่การพิจารณา ทั้งหมด 9,007 คดี
2. จำนวนคดีที่พิพากษาแล้วเสร็จ ทั้งหมด 8,515 คดี (คิดเป็นร้อยละ 94.54)
3. ข้อหาที่มีการกระทำความผิด แบ่งเป็น ผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำนวน 10,089 คน (สัญชาติไทย 9,460 คน / สัญชาติอื่น 629 คน) ผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จำนวน 115 คน (สัญชาติไทย 107 คน / สัญชาติอื่น 8 คน) และผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 จำนวน 2 คน (สัญชาติไทย 2 คน / สัญชาติอื่น -คน)
4. จังหวัดที่มีผู้กระทำความผิด สูงสุด 3 อันดับในแต่ละข้อหา แบ่งเป็นผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 อันดับ 1 กรุงเทพมหานคร จำนวน 730 คน อันดับ 2 ชลบุรี จำนวน 462 คน อันดับ 3 ปทุมธานี จำนวน 455 คน ผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 อันดับ 1 ชลบุรี จำนวน 42 คน อันดับ 2 สมุทรสาคร จำนวน 27 คน อันดับ 3 ยะลา จำนวน 14 คน และผิดตาม พระราชบัญญัติว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ พ.ศ. 2542 อันดับ 1 นนทบุรี จำนวน 1 คน และนราธิวาส จำนวน 1 คน
กลุ่มศาลเยาวชนและครอบครัว
1.จำนวนคำร้องที่ขอตรวจสอบการจับ รวมทั้งสิ้น 540 คำร้อง
2.ข้อหาที่เข้าสู่การตรวจสอบจับกุม แบ่งเป็น ผิดตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 จำนวน 548 คน (สัญชาติไทย 530 คน / สัญชาติอื่น18 คน) และผิดตามพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 จำนวน 4 คน (สัญชาติไทย 4 คน / สัญชาติอื่น - คน)
3.ผลการตรวจสอบการจับ จำนวน 554 คน แบ่งเป็น ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 552 คน และไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 2คน
เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม กล่าวอีกว่า ถึงแม้ช่วงนี้จะเป็นเทศกาลสงกรานต์ แต่ในปีนี้รัฐบาลประกาศให้งดกิจกรรมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 แต่ยังพบว่ามีผู้กระทำผิดรวมกลุ่มดื่มสุราและเล่นน้ำสงกรานต์อยู่ นอกจากนี้ ยังมีผู้อาศัยช่วงเวลาเคอร์ฟิวก่อเหตุลักทรัพย์ในหลายพื้นที่ ซึ่งเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน จึงอยากฝากความห่วงใยและขอความร่วมมือประชาชนให้ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ช่วงเวลานี้สังคมไทยต้องการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน แต่หากต้องการแสดงออกในวันสงกรานต์ ก็ขอให้ใช้กิจกรรมที่ปลอดภัยแก่ทุกคน เช่น ใช้โซเชียลมีเดีย หรือกิจกรรมในครอบครัวตามคำแนะนำของหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ยังคงต้องใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือให้สะอาด และสร้างระยะห่างทางสังคมตามแนวทางเพื่อตัวเองและส่วนรวมคือ “อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ”
อ่านประกอบ : แค่ 7 วันเคอร์ฟิวมีผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯกว่า 5 พันราย เยาวชน 326 ราย-กทม.แชมป์
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/