เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม! ศาลปกครองสูงสุดให้ 'ดิเรก ก้อนกลีบ' อดีตผู้ว่าฯลำปางชนะคดีสร้าง 4 อ่างเก็บน้ำใน เขตป่าสงวนแม่เมาะ ชี้การไต่สวน ป.ป.ช. ฐานความผิดประพฤติชั่วร้ายแรงไม่ผูกพัน มท. ต้องตั้ง กก.สอบสวนอีกรอบ เผยการก่อสร้างทำตามมติ ครม. ทุกอย่าง ไร้หลักฐานเอื้อเอกชน-ผู้อื่น สร้างประโยชน์ให้คนในพื้นที่ ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยชอบ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานแล้วว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาให้กระทรวงมหาดไทย เพิกถอนคำสั่งไล่ออกนายวรเดช หรือดิเรก ก้อนกลีบ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กับพวก กรณีการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 4 แห่งในเขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ได้แก่ อ่างเก็บน้ำกิ่วข้าวหลาม อ่างเก็บน้ำปงชัย อ่างเก็บน้ำแม่ทู และอ่างเก็บน้ำแม่หลวง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ โดยเห็นว่าเป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงไม่มีอำนาจไต่สวน และชี้มูลความผิดกรณีนี้นั้น (อ่านประกอบ : ศาล ปค.สูงสุดเพิกถอนคำสั่งไล่ออก‘อดีตผู้ว่าฯลำปาง’คดีอ่างแม่เมาะ-ป.ป.ช.ไร้อำนาจไต่สวน)
สำนักข่าวอิศรา สรุปรายละเอีดในคำพิพากษาฉบับเต็มของศาลปกครองสูงสุดให้รับทราบ ดังนี้
ศาลปกครองสูงสุด ได้วินิจฉัยประเด็นการใช้อำนาจและการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2) และชี้มูลความผิดทางวินัยเป็นการใช้อำนาจวินิจฉัยชี้ขาดซึ่งเป็นการใช้อำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ และศาลปกครองมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้หรือไม่ โดยเห็นว่า อำนาจการชี้มูลความผิดทางวินัยของคณะกรรมการ ป.ป.ช. กำหนดไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (กฎหมายลูก) มิใช่การวินิจฉัยชี้ขาดซึ่งเป็นการใช้อำนาจโดยตรงตามรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ดังนั้นศาลปกครองสูงสุดจึงมีอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีนี้ได้ตามมาตรา 223 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญปี 2550 (รัฐธรรมนูญที่บังคับใช้ขณะเกิดเหตุ) ข้อโต้แย้งของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่อาจรับฟังได้
ส่วนประเด็นคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีอำนาจในการไต่สวนข้อเท็จจริง และชี้มูลความผิดทางวินัยหรือไม่นั้น ศาลปกครองสูงสุด วินิจฉัยว่า ข้อกล่าวหาที่อยู่ในอำนาจไต่สวนและพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. หมายถึงเฉพาะข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ซึ่งเป็นความผิดทางวินัย หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรมซึ่งเป็นความผิดทางอาญา หากการไต่สวนข้อเท็จจริงและชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ถูกร้องเรียนได้กระทำความผิดวินัยฐานอื่นอันมิใช่ความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่เช่นในคดีนี้ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดนายดิเรก หรือวรเดช ก้อนกลีบ กระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง กรณีดังกล่าวไม่ผูกพันกระทรวงมหาดไทย (ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1) ที่ต้องถือเอารายงานการไต่สวนข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช. เป็นสำนวนการสอบสวนทางวินัยของคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยตามกฎหมาย
ส่วนประเด็นคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 372/2557 ลงวันที่ 9 ก.ค. 2557 แก้ไขโดยคำสั่งกระทรวงมหาดไทย ที่ 643/2560 ลงวันที่ 26 เม.ย. 2560 ที่ลงโทษไล่นายดิเรก หรือวรเดช ก้อนกลีบ ออกจากราชการ ในความผิดฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ ทำให้เกิดความเสียหายร้ายแรง หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยทุจริต เป็นคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
กรณีจึงมีประเด็นที่ต้องพิจารณาว่า การกระทำของนายดิเรก หรือนายวรเดช เป็นการกระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรงหรือไม่ โดยการกระทำใดเป็นการกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ราชการ จะต้องพิจารณาองค์ประกอบจาก 3 ความผิด คือ 1.ผู้กระทำมีหน้าทีราชการที่จะต้องปฏิบัติ 2.ผู้กระทำได้ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบ 3.ผู้กระทำมีเจตนากระทำหรือละเว้นกระทำในหน้าที่เพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้
ข้อเท็จจริงในคดีนี้ปรากฏว่า คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2550 เห็นชอบให้มีการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ โดยกำหนดแนวทางการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนในพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าให้มีคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาชุมชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้า การที่นายดิเรก หรือวรเดช ในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง (ขณะนั้น) ออกประกาศกำหนดพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้า ตามแนวทางการจัดตั้งกองทุนพัฒนาชุมชนรอบพื้นที่โรงไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และมีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาชุมชนฯ โดยแต่งตั้งให้ตัวเองเป็นประธานกรรมการ จึงเป็นกรณีที่นายดิเรก หรือวรเดช ปฏิบัติหน้าที่ตามมติคณะรัฐมนตรีซึ่งเป็นองค์กรสูงสุดของฝ่ายบริหาร นายดิเรก หรือวรเดช ยอมเอาตัวเข้าไปผูกพันในฐานประธานกรรมการกองทุนฯ ซึ่งเป็นกองทุนที่จัดตั้งขึ้นตามมติคณะรัฐมนตรี การปฏิบัติหน้าที่ของนายดิเรก หรือวรเดช ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฯ ที่เกี่ยวกับการอนุมัติให้ก่อสร้างอ่างเก็บน้ำกิ่วข้าวหลาม อ่างเก็บน้ำปงชัย อ่างเก็บน้ำแม่ทู และอ่างเก็บน้ำแม่หลวง ที่เป็นโครงการของกองทุนฯ และการปฏิบัติหน้าที่เกี่ยวกับโครงการดังกล่าวไม่ว่าจะในฐานะผู้ว่าราชการจังหวัด หรือในฐานะประธานกรรมการฯ จึงถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการ
นอกจากนี้นายดิเรก หรือวรเดช ลงนามในหนังสือจังหวัดลำปางที่ ลป 0013/14933 ลงวันที่ 24 ก.ค. 2551 ถึงอธิบดีกรมป่าไม้ ขอใช้พื้นที่ป่าก่อสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ทู ย่อมแสดงให้เห็นว่านายดิเรก หรือวรเดช รู้สภาพพื้นที่ที่จะก่อสร้างอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง ภายในเขตจังหวัดลำปาง กรณีจึงมีเหตุเชื่อได้ว่า นายดิเรก หรือวรเดช ทราบถึงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าวในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ และรู้ว่าการก่อสร้างดังกล่าวยังไม่ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้
อย่างไรก็ดีการพิจารณาว่าการกระทำของนายดิเรก หรือวรเดช เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการหรือไม่นั้น ต้องพิจารณาถึงเจตนาของนายดิเรก หรือวรเดช ว่ามีเจตนากระทำการเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองหรือผู้อื่นหรือไม่ โดยข้อเท็จจริงปรากฏว่า ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 4 แห่ง มีการจัดทำสัญญาจ้างผู้รับจ้างดำเนินการก่อสร้าง การที่นายดิเรก หรือวรเดช อนุมัติจ่ายเงินค่าก่อสร้างงวดที่ 1 ของอ่างเก็บน้ำกิ่วข้าวหลาม ในฐานะประธานกรรมการกองทุนฯ และอนุมัติจ่ายเงินค่าก่อสร้างอ่างเก็บน้ำปงชัย โดยไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการก่อสร้างในงวดงานที่นายดิเรก หรือวรเดช ก้อนกลีบอนุมัติให้มีการจ่ายไม่แล้วเสร็จ หรือมีข้อบกพร่องประการอื่น กรณีจึงเป็นการอนุมัติให้มีการจ่ายเงินค่าจ้างซึ่งผู้รับจ้างมีสิทธิได้รับตามสัญญาจ้าง
นอกจากนี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามรายงานผลการตรวจสอบข้อเท็จจริง เรื่องร้องเรียนขอความเป็นธรรมของนายมนตรี จำปาคำ และพวก กรณีถูกไล่ออกจากตำแหน่งกำนันและผู้ใหญ่บ้านโดยไม่เป็นธรรมของคณะอนุกรรมาธิการประสานภารกิจสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ด้านการปกครองท้องถิ่น ในคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ว่า จากผลการไต่สวนของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไม่พบว่าเจ้าหน้าที่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตเรียกรับผลประโยชน์ในการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง แต่เป็นเพียงการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมป่าไม้ ว่าด้วยการกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการใช้พื้นที่ฯ พ.ศ. 2548 กรณีจึงไม่อาจรับฟังได้ว่า การกระทำของนายดิเรก หรือวรเดช เป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ราชการโดยมิชอบเพื่อให้ตนเองหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ ตามมาตรา 82 วรรคสาม แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ. 2535 ส่วนความผิดฐานประพฤติชั่วร้ายแรงนั้น เมื่อวินิจฉัยข้างต้นแล้วว่าความผิดดังกล่าวไม่ผูกพันกับกระทรวงมหาดไทย ที่ต้องตั้งคณะกรรมการสอบสวนเสียก่อน
ดังนั้นการที่กระทรวงมหาดไทย มีคำสั่งลงโทษไล่นายดิเรก หรือวรเดช ออกจากราชการในฐานความผิดประพฤติชั่วร้ายแรง โดมิได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวน จึงเป็นการกระทำไม่ถูกต้องตามรูปแบบ ขั้นตอน หรือวิธีการอันเป็นสาระสำคัญในการลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงตามที่กฎหมายกำหนด ประกอบกับศาลได้วินิจฉัยแล้วว่า ข้อเท็จจริงไม่อาจรับฟังได้ว่าการกระทำของนายดิเรก หรือวรเดช เป็นการทุจริตต่อหน้าที่ราชการ และการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำ 4 แห่งดังกล่าว มีสภาพแข็งแรง รองรับและเก็บกักน้ำได้ดี ทำให้ประชาชนมีน้ำเพียงพอประกอบอาชีพ ดังนั้นกรณีนายดิเรก หรือวรเดช ไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมป่าไม้ จึงไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการ แต่กลับทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการอ่างเก็บน้ำ 4 แห่งดังกล่าว อีกทั้งไม่ปรากฏการกระทำอื่นใดของนายดิเรก หรือวรเดช ที่จะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีจึงมิอาจถือได้ว่า นายดิเรก หรือวรเดช กระทำการอื่นใดอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
ด้วยข้อเท็จจริงข้างต้น คำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ไล่นายดิเรก หรือวรเดช ออกจากราชการจึงมิชอบด้วยกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งดังกล่าว โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่ง ได้ย่อมได้รับคืนสิทธิทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว โดยศาลไม่จำต้องกำหนดคำบังคับ ส่วนมติของคณะกรรมการ ป.ป.ช. นั้น เป็นเพียงขั้นตอนภายในยังไม่มีผลกระทบต่อสิทธิหน้าที่ของผู้นายดิเรก หรือวรเดช จึงไม่ได้รับความเดือดร้อนเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องขอให้เพิกถอนได้
อ่านประกอบ :
ศาล ปค.สูงสุดเพิกถอนคำสั่งไล่ออก‘อดีตผู้ว่าฯลำปาง’คดีอ่างแม่เมาะ-ป.ป.ช.ไร้อำนาจไต่สวน
ฉบับเต็ม! คำพิพากษาคดีละเว้นอ่างเก็บน้ำแม่เมาะ-จำคุกอดีตผู้ว่าฯลำปาง พวก14ราย ไม่รอลงอาญา
ป.ป.ช.ฟันเรียบ อดีตผู้ว่าฯลำปาง-พวก14 รายคดีสร้างอ่างฯ "แม่เมาะ"
กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage