วชิรพยาบาล ในสังกัดมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชร่วมรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่เกินกำลัง รพ.กระทรวงสาธารณสุข จากจังหวัดนนทบุรี ขณะที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ รับต่อข้ามเขตจาก ปทุมธานี สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี นครนายก
ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ นายกสภามหาวิทยาลัยนวมินทราธิราชซึ่งเป็นต้นสังกัดของคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล เปิดเผยว่า ในวันที่ 11 เม.ย.2563 อธิการบดีมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล และผู้อำนวยการโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ได้ปรึกษาร่วมกันและมีความเห็นว่า สถานการณ์ผู้ป่วย โควิด-19 ในจังหวัดนนทบุรีซึ่งมีเขตติดต่อกับกรุงเทพมหานคร ยังคงมีความรุนแรง และมีผู้ป่วยสะสมจำนวนมากเกือบร้อยห้าสิบคน. ในขณะที่โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขในจังหวัดนนทบุรี มีผู้ป่วยอื่นแออัดคับคั่ง ทั้งยังไม่มีห้องผู้ป่วยความดันลบ (Negative Pressure) สำหรับรองรับผู้ป่วยที่มีอาการวิกฤติ อีกทั้งบุคลากรสาธารณสุขก็มีความตึงเครียดจากการปฏิบัติงานต่อเนื่องด้วยความระมัดระวังสูงมากในการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ดังนั้นโรงพยาบาลวชิรพยาบาลซึ่งเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่มีโรงเรียนแพทย์ และได้เตรียมการรองรับผู้ป่วยโควิด-19 ไว้ในระดับสูงสุด โดยการปรับปรุงอาคารสถานที่ให้มีหอผู้ป่วยความดันลบสำหรับทั้งผู้ป่วยที่มีอาการหนักและผู้ป่วยที่มีอาการไม่ร้ายแรง กับทั้งยังมีห้อง Negative Pressure เตรียมรองรับผู้ป่วยอาการหนักที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ และมีศักยภาพที่จะรับผู้ป่วยโควิด -19 ได้มากถึงกว่า 50 เตียง ทั้งยังมีศักยภาพทั้งทางด้านบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์กับเตียงผู้ป่วยที่จะรองรับได้เพิ่มอีก จึงได้ตัดสินใจที่จะแบ่งเบาภาระของโรงพยาบาลสังกัดกระทรวงสาธารณสุขในเขตจังหวัดนนทบุรี. โดยจะรับต่อ(refer)ผู้ป่วยโควิด-19 ข้ามเขตเข้ามารับการดูแลรักษาในวชิรพยาบาล
ทั้งนี้ ได้ประสานงานกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุขเขตสุขภาพที่ 4 เพื่อส่งต่อผู้ป่วยโควิด-19 ในจังหวัดนนทบุรีมารับการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลวชิรพยาบาลได้ทันที โดยจะเริ่มรับผู้ป่วยจากโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า ซึ่งมีความแออัดของผู้ป่วยมากมายังวชิรพยาบาลเป็นแห่งแรกในวันนี้.
รศ.นพ.ประยุทธ์ ศิริวงษ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาลเปิดเผยว่า วชิรพยาบาลได้ปรับปรุงหอผู้ป่วย Negative Pressure สำหรับผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการกึ่งวิกฤต สามารถรองรับผู้ป่วยได้ 10 เตียงพร้อมแล้วตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน กับทั้งได้ปรับปรุงห้องผู้ป่วย Negative Pressure แบบห้องรวมสำหรับผู้ป่วยโควิด -19 ที่จะรองรับผู้ป่วยได้ 12 เตียง เสร็จสิ้นแล้วในสัปดาห์นี้. และกำลังจะเปิดห้องรวม( Cohort Ward) สำหรับผู้ป่วยโควิด -19 อีกมากกว่า 20 เตียง กับทั้งได้ดำเนินการเปิดห้องปฏิบัติการตรวจเชื้อโควิดในระบบ RT-PCR ของวชิรพยาบาลขึ้นเองตั้งแต่ต้นเดือนเมษายน กับทั้งมีห้องผู้ป่วยเดิมที่เป็น Negative Pressure อีกสองห้อง อีกทั้งได้เตรียมความพร้อมของบุคลากรและอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อการดังกล่าวไว้อย่างเต็มที่ ขณะนี้ แม้มีผู้ป่วยโควิด -19 ของวชิรพยาบาลเข้ารับการรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยเหล่านี้บ้างแล้ว แต่วชิรพยาบาลที่ซึ่งมีบุคลากรที่มีศักยภาพสูงเป็นจำนวนมากและเป็นโรงเรียนแพทย์ ก็ยังมีศักยภาพจะรองรับผู้ป่วยโควิด -19 ได้อีกหลายสิบราย ดังนั้น เมื่อนนทบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีเขตติดต่อกับกรุงเทพมหานคร มีผู้ป่วยมากเกือบ. 150 ราย และเริ่มเกินศักยภาพของโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขในจังหวัดนนทบุรี วชิรพยาบาลก็พร้อมที่จะเข้าช่วยเหลือแบ่งเบาภาระเหล่านี้ เพื่อร่วมกันปกป้องระบบสาธารณสุขของประเทศ ให้ประชาชนทั่วประเทศได้มีความมั่นใจและไว้วางใจในคุณภาพ ศักยภาพและประสิทธิภาพของระบบโรงพยาบาลและการรักษาของประเทศ ซึ่งมีมาตรฐานและเป็นที่ยอมรับทั่วไปว่าดีที่สุดในระดับต้นของโลก และเพื่อให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถรองรับจัดการกับวิกฤตการณ์โควิด-19 ในครั้งนี้ได้อย่างแน่นอน โดยจะเริ่มส่งผู้ป่วยโควิดที่มีอาการวิกฤติมายังวชิรพยาบาลในวันจันทร์ที่13เมษายน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 10 เม.ย.3563 ที่ผ่านมา โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีอาจารย์แพทย์และแพทย์ผู้เชี่ยวชาญปฏิบัติงานประจำอยู่ถึงถึง 500 คน และมีบุคลากรพยาบาลอีกเกือบ 2,000 คน ได้ประกาศต่อรัฐมนตรีและผู้บริหารของกระทรวงสาธารณสุขแล้วว่า โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ซึ่งเตรียมห้องและหอผู้ป่วย Negative Pressure ไว้รองรับผู้ป่วยโควิดถึง60เตียง โดยไม่รวมเตียงของโรงพยาบาลสนาม จะเป็นโรงพยาบาลมหาวิทยาลัยที่รับส่งต่อและให้การดูแลรักษาผู้ป่วย Covid-19 ที่เกินกว่าศักยภาพของโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขทุกโรงในจังหวัดปทุมธานี และทุกจังหวัดในเขตสุขภาพที่ 4 ของประเทศ ซึ่งประกอบด้วย ปทุมธานี สระบุรี ลพบุรี สิงห์บุรี และนครนายก มาแล้ว ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่น ไว้วางใจของประชาชนในระกว่างการคุกคามจากการระบาดของโรคติดต่อร้ายแรงนี้ว่า จะได้รับการดูแลรักษาโดยระบบสาธารณสุขที่มีศักยภาพสูง โดยความร่วมมือของทุกภาคส่วนของประเทศ และจะไม่เกิดกรณีการไม่มีเตียงรองรับหรือปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยดังที่เคยเกิดขึ้นในประเทศอื่น ๆ ขึ้นในประเทศไทยเป็นอันขาด
หมายเหตุ : ภาพโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯจาก https://www.sanook.com/news/2031746/