‘กรมการค้าภายใน’ โอดโดนผู้ส่งออกกดดันหนักให้อนุญาตส่งออก ‘หน้ากากอนามัย’ 40 ล้านชิ้น หลังราคานอกประเทศพุ่ง รับอาจตรึงราคาหน้ากากอนามัยในโควตาที่ได้จัดสรรจากโรงงาน 50% ไว้ที่ชิ้นละ 2 บาทไม่ไหว เหตุต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม 2 เท่า
เมื่อวันที่ 28 ก.พ. นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยกับสำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org/) โดยยืนยันกรมฯจะไม่อนุญาตให้มีการส่งออกหน้ากากอนามัย หลังจากเมื่อเร็วๆนี้ทางผู้ส่งออกได้ขออนุญาตส่งออกหน้ากากอนามัยจำนวน 40 ล้านชิ้น เนื่องจากปัจจุบันการผลิตหน้ากากอนามัยไม่เพียงพอต่อความต้องการในประเทศ และในต่างประเทศก็ห้ามไม่ให้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยแล้ว
“เราต้องทำให้คนไทยเรามีหน้ากากอนามัยใช้ก่อน ถ้าเราปล่อยให้ส่งออกเมื่อไหร่ คนของเราก็ไม่มีใช้ เพราะราคาหน้ากากอนามัยในต่างประเทศแพงมาก เช่น ออสเตรเลียชิ้นละ 20 ดอลลาร์ ซึ่งกรมฯก็เจอแรงกดดันพอสมควร เพราะผู้ผลิตก็อยากส่งออกกัน บางรายขอมา 10 ล้านชิ้นก็มี" นายวิชัยกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายวิชัย ระบุว่า กรมฯได้ยกเว้นให้มีการส่งออกหน้ากากอนามัยบางประเภทไปต่างประเทศได้ ซึ่งหน้ากากอนามัยทั้งหมดเป็นสเปคที่คนไทยใช้ไม่ได้ โดยที่ผ่านมาได้อนุญาตให้ส่งออกไปแล้วประมาณ 4-5 ล้านชิ้น
นายวิชัย กล่าวต่อว่า ปัจจุบันไทยมีสต็อกหน้ากากอนามัย 30 ล้านชิ้น แต่สต็อกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยกรมฯจะทราบสต็อกอีกทีว่ามีเท่าไหร่เมื่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า และผู้แทนจำหน่ายแจ้งสต็อกเข้ามาในวันที่ 10 มี.ค.นี้ อย่างไรก็ดี ต้องยอมรับว่าในขณะนี้ความต้องการหน้ากากอนามัยเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 100 ล้านชิ้น สูงกว่าสต็อกที่มีอยู่มาก ขณะที่การผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศ โดยเฉพาะจากผู้ผลิตรายใหญ่ 9 ราย ผลิตได้รวมกันวันละ 1.3 ล้านชิ้น หรือเดือนละ 35 ล้านชิ้นเท่านั้น
“ตอนนี้ดีมานด์เพิ่มขึ้นแรงมาก เพิ่มหลายเท่าตัว โดยเฉพาะหลังจากมีข่าวพบผู้ติดเชื้อในไทยเพิ่มขึ้น 3 คน จากเดิมที่เริ่มนิ่งแล้ว ทำให้ตอนนี้โรงงานผลิตแทบไม่ทัน ซึ่งเราได้เร่งให้เขาผลิตตลอด 24 ชั่วโมง ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากให้ผลิตวันเสาร์และอาทิตย์ให้เต็มที่ด้วย แต่ผู้ผลิตก็เกรงว่าถ้าให้แรงงานทำงานวันอาทิตย์ด้วยจะผิดกฎหมายแรงงาน จึงอาจต้องเข้าไปเข้าหารือกับกระทรวงแรงงานเพื่อขอให้ผ่อนผันตรงนี้ 1-2 เดือน ถ้าได้เพิ่มอีก 5 ล้านชิ้น/เดือนก็ยังดี” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย ยังระบุว่า ที่ผ่านมากรมฯได้ร่วมมือกับร้านสะดวกซื้อและห้างโมเดิร์นเทรด รวมทั้งร้านธงฟ้าประชารัฐ ขายหน้ากากอนามัยในราคา 4 ชิ้น 10 บาท หรือเฉลี่ยชิ้นละ 2.5 บาท แต่ตอนนี้เราพบปัญหาว่าหน้ากากอนามัยมีไม่เพียงพอ แม้ว่าจะมีการจำกัดปริมาณการซื้อไม่เกิน 4 ชิ้นต่อรายแล้วก็ตาม ดังนั้น กรมฯอยากขอความร่วมมือจากประชาชนว่าอย่าซื้อไปเก็บเลย เช่น 2-3 วันค่อยมาซื้อทีก็ได้ เพราะถ้าซื้อไปเก็บมีเท่าไหร่ก็ไม่พอ
ส่วนกรณีที่มีการขายหน้ากากอนามัยในร้านทั่วไปราคาชิ้นละ 7-10 บาท นายวิชัย กล่าวว่า ถือเป็นราคาที่รับได้ เพราะปัจจุบันต้นทุนการผลิตสูงขึ้นมาก โดยเฉพาะต้นทุนนำเข้าตัวกรอง ที่เดิมนำเข้าจากจีนกิโลกรัมละ 3 ดอลลาร์สหรัฐ แต่ตอนนี้จีนไม่ส่งออกแล้ว จึงต้องนำเข้าจากอินโดนีเซีย และราคาได้เพิ่มขึ้นเป็นกิโลกรัมละ 8 ดอลลาร์สหรัฐ ทั้งนี้ ต้องขอทำความเข้าใจว่าราคาหน้ากากอนามัยตามร้านทั่วไป เป็นคนละส่วนกับหน้ากากอนามัยที่กรมฯขอความร่วมมือให้โรงงานขายในราคาไม่แพง
“เมื่อต้นทุนสูงขึ้น ก็ต้องยอมรับในส่วนนี้ด้วย และแม้ว่ากรมฯไม่ได้เข้าไปควบคุมราคาหน้ากากอนามัย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะตั้งราคาตามใจชอบได้ เพราะเป็นสินค้าควบคุม โดยเราสามารถสั่งให้เขาแจ้งต้นทุนได้ รวมทั้งต้องแจ้งสต็อกทุกเดือน ส่วนหน้ากากอนามัยที่เรานำมาขายในราคาชิ้นละ 2.5 บาท เป็นราคาที่โรงงานขายให้กับกระพาณิชย์โดยเฉพาะ ซึ่งคิดเป็น 50% ของการผลิต โดยกรมฯส่งตรงไปที่ร้านขายยา โรงพยาบาล ร้านธงฟ้า และโมเดิร์นเทรดต่างๆ” นายวิชัยกล่าว
นายวิชัย กล่าวว่า เนื่องจากขณะนี้หน้ากากอนามัยกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ซึ่งขาดไม่ได้ และหลายประเทศมีความต้องการใช้อย่างมาก ดังนั้น หลังจากนี้ไปกรมฯก็ไม่แน่ใจว่าจะขอให้โรงงานส่งหน้ากากอนามัยมาให้เรา เพื่อขายในราคาชิ้นละ 2.5 บาทได้อีกนานเท่าไหร่ ส่วนแนวทางในการบริหารจัดการนั้น เราพิจารณาในเรื่องความสมดุล คือ หน้ากากอนามัยต้องมีเพียงพอ และราคาต้องไม่สูงมากนัก เพราะถ้าเราไปบังคับมากเกินไปก็จะไม่มีสินค้าออกสู่ตลาด
“ณ วันนี้ ถ้ากรมฯยังใช้ราคาชิ้นละ 2.5 บาทอยู่ ก็ไม่แน่ใจว่าเราจะซื้อในราคานี้ได้อีกนานแค่ไหน” นายวิชัยกล่าว
สำนักข่าวอิศรารายงานว่า สำหรับราคาหน้ากากอนามัยที่กระทรวงพาณิชย์นำไปกระจายขายผ่านร้านธงฟ้า ร้านโมเดิร์นเทรด และโรงพยาบาลต่างๆ ในราคาชิ้นละ 2.5 บาทนั้น เนื่องจากภายใต้ประกาศสำนักงานคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ฉบับที่ 6 พ.ศ.2563 เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข ในการปันส่วนหรือจำหน่ายหน้ากากอนามัย ซึ่งประกาศเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2563 ในข้อ 3 ระบุว่า
“ให้ผู้ผลิต ตัวแทนจำหน่ายในทุกท้องที่ทั่วราชอาณาจักร ปันส่วนหน้ากากอนามัยไม่น้อยกว่าร้อยละห้าสิบ (50) ของปริมาณการผลิต หรือปริมาณที่ครอบครอง แล้วแต่กรณี และจำหน่ายหน้ากากอนามัยจำนวนดังกล่าวให้แก่ศูนย์บริหารจัดการหน้ากากอนามัยของกรมการค้าภายในกระทรวงพาณิชย์ ในราคาไม่เกินชิ้นละสอง (2) บาท เพื่อบริหารจัดการให้เพียงพอต่อความต้องการภายในประเทศ”
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/