'นิคม บุญวิเศษ' ส.ส.พลังปวงชนไทย อภิปรายชำแหละ 'บิ๊กตู่' ปมตั้ง 'ธรรมนัส พรหมเผ่า' นั่ง รมช.เกษตรฯ ชี้ไม่เหมาะสม เหตุเคยเป็นหุ้นส่วน หจก.ขวัญฤดี 1 ใน 5 เสือกองสลากฯ แม้ตั้ง 'บิ๊กแดง' ดูแล แต่ยังมีรายได้จากการขายสลาก 3 ล้าน/เดือน อ้างอีกถ้าอยากได้โควตาต้องถาม 'บิ๊กป้อม' - เจ้าตัวแจงปัจจุบันไม่มีแล้ว รายได้มาจากแผงซื้อ-ขายสลาก 10 แผง ลั่นทำอาชีพสุจริต ผิดเหรอที่เคยเป็นผู้ค้ารายใหญ่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 17.15 น. ระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยยังอยู่ในส่วนการอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังปวงชนไทย ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ถึงประเด็นการแต่งตั้ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า หรือนายธรรมนัส พรหมเผ่า เข้ามาเป็น รมช.เกษตรและสหกรณ์ นั้นไม่เหมาะสม เนื่องจาก ร.อ.ธรรมนัสได้แจ้งบัญชีทัรพย์สินกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่ามีรายได้ต่อเดือนจากการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลเดือนละ 3 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาที่การไปค้นคว้าแล้วพบว่า ร.อ.ธรรมนัสนั้นไม่มีโควต้าในการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลแล้ว เพราะว่าเมื่อปี 2544-2545 หจก.ขวัญฤดี ซึ่งมี ร.อ.ธรรมนัสนั่งเป็นเจ้าของอยู่นั้น พบว่ามีโควตาจากกองสลากประมาณ 1 ล้าน 6 แสนฉบับ แต่พอต่อมามีการยึดอำนาจเมื่อปี 2557 ก็มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ออกมา มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการกองสลาก และ คสช.ได้อ้างว่าจะแก้ปัญหาสลากราคาแพง เพราะตอนนั้นสลากขายกันฉบับละ 100-120 บาท จึงมีการแต่งตั้งคณะกรรมการกองสลากขึ้น ด้วยคำสั่งที่ 11/2558 โดยมี พล.ต.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ (ยศขณะนั้น) เป็นประธานกองสลาก แต่ปัจจุบันก็ยังแก้ไขปัญหาสลากแพงไม่ได้
“พอเข้ามาก็มีความเปลี่ยนแปลง ก็เลยโละ 5 เสือสลากเพื่อที่จะขายโดยที่ถึงผู้ขายโดยตรงโดยมีนโยบายจองที่ที่ธนาคารกรุงไทย ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา นายธรรมนัสไม่มีโควตาแล้ว แต่ว่าท่านไปแจ้งทรัพย์สินที่ ป.ป.ช.ว่าท่านมีรายได้จากการขายสลากเดือนละ 3 ล้านบาทนี่คือการแจ้งทรัพย์สินที่เป็นเท็จจึงไม่สมควรที่จะเป็นรัฐมนตรีประจำคณะนี้” นายนิคมกล่าว
@พาดพิงอ้างอยากได้โควตาให้ถาม 'บิ๊กป้อม'-ให้ 'ธรรมนัส' ดูแล
นายนิคม กล่าวอีกว่า ปัญหาเรื่องการขายสลากกินแบ่งแพงนั้นตอนนี้ไม่มีการพูดถึง ซึ่งจากการสอบถามข้อมูลของผู้ที่ได้สลากมา เขาก็บอกว่าได้ถ้าอยากได้ก็ไปถาม ‘บิ๊กป้อม’ (ไม่ระบุชื่อ) และเมื่อถามข้อมูลเพิ่มเติมอีก ก็มีการพูดว่ามีการจัดสรรสลากเกินราคาจำนวน 80 ล้านฉบับ ให้กับคนในคณะรัฐมนตรีนี้ที่ชื่อว่า ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้ดูแล
“แล้วท่านธรรมนัสเอาไปทำอะไร ก็เอาไปขายได้กำไร 3 บาท 4 บาท กำไรงวดหนึ่ง 300-400 ล้านบาท 2 งวดก็ประมาณ 500-800 ล้านบาทต่อเดือน และก็เอากำไรเหล่านี้มาดูแลทั้งหมด เมื่อถามว่ามีหลักฐานไหม เขาบอกว่าไม่มี แต่เขาได้คุยกับคนหนึ่งที่สนิทกับ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งมันเป็นที่น่าเชื่อถือได้ เพราะถ้าไม่มีประโยชน์กันขนาดนี้ รัฐบาลก็น่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องสลากกินแบ่งให้อยู่ที่ราคา 80 บาทได้แล้ว แต่ปรากฏว่ามีสลากกินแบ่งเกินราคามากขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเป็นการมอมเมาประชาชน และนี่คือประเด็นที่ผมไม่ไว้ใจ พล.อ.ประยุทธ์ ในการเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้องและแต่งตั้งคนที่ไม่มีคุณสมบัติเป็นรัฐมนตรี” นายนิคมกล่าว
ต่อมา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณีนี้ตอนหนึ่งว่า ไม่ปฏิเสธว่า ก่อนที่จะเข้าสู่การดำรงตำแหน่งทางการเมืองในฐานะ ส.ส. ตั้งแต่วันที่ 24 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมาว่า ผมมีอาชีพเป็น 1 ใน 5 เสือกองสลากฯ ไม่เคยปฏิบัติต่อสังคม
“มันผิดเหรอครับ ที่ผมจะมีอาชีพเป็นผู้ค้าสลากรายใหญ่ อยากเรียนท่านประธานด้วยความเคารพว่า อย่ามองเห็นผู้ค้าสลากรายใหญ่เป็นโจร หรือเป็นพวกเอารัดเอาเปรียบทางสังคม” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้โชคดีได้พูดหลายสิ่งหลายอย่างที่สังคมเข้าใจผิดไป อยากเรียนด้วยความเคารพว่า 5 เสือกองสลากฯ มีคุณธรรม ไม่ใช่จะเอารัดเอาเปรียบผู้บริโภค แต่เอาเถอะ เมื่อนโยบายรัฐบาลชุดที่แล้ว (รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (1)) มีนโยบายว่าไม่ให้มี 5 เสือกองสลากฯ หรือผู้จำหน่ายสลากฯรายใหญ่ ณ เวลานั้น ประธานกรรมการบริหารสลากกินแบ่งรัฐบาล (พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.)
เรียนประธานด้วยความเคารพต่อไปว่า ผมได้รับสัมปทานในฐานะเป็นคู่สัญญากับกองสลากครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 4 ส.ค. 2558 ประธานบอร์ดกองสลากฯ มีนโยบายว่า สลากกินแบ่งการกุศล ต้องถูกจำหน่ายทางธนาคารกรุงไทย หรือผ่านองค์กรการกุศล ในจำนวนที่เป็นไปตามข้อบังคับหรือระเบียบของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล
“เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 2558 ครั้งสุดท้ายที่ผมอยู่ในฐานะคู่สัญญากับกองสลาก จนถึงทุกวันนี้ ไม่มีสัมปทาน หรือเป็นคู่สัญญากับสำนักงานสลากฯแม้แต่เล่มเดียว แต่ที่ได้สำแดงทรัพย์สิน ได้สำแดงรายได้ว่า มีรายได้จากการจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนละ 3 ล้านบาท คงเข้าใจผิดว่าผมคงเป็นคู่สัญญากับสลากกินแบ่ง” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
@ปัจจุบันเช่าช่วงเจ้าของตลาดเปิดแผงสลากฯ 10 แผง-ยันทำอาชีพสุจริต
ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ด้วยข้อเท็จจริงอยากเรียนว่า รายได้จากการทำธุรกิจในส่วนของสลากกินแบ่งรัฐบาลเดือนละ 3 ล้านบาท คือรายได้จากการไปเช่าแผงค้าสลากฯที่ข้างสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ซึ่งเป็นการเช่าช่วงจากเจ้าของตลาด ตนมีแผงค้าสลากฯจำนวนทั้งหมดเกือบ 10 แผง เพราะมีความจำเป็นต้องหล่อเลี้ยงลูกค้าตนที่ทำธุรกิจเรื่องสลากฯกันมาเกือบ 10 ปี เพราะลูกค้าเหล่านั้น สมัยเป็นเจ้าของสัมปทาน รับสลากไปขายแต่ละจังหวัด แต่ละอำเภอทั่วประเทศไทย มีความจำเป็นอย่างยิ่งต้องประคองชีวิตพ่อค้าผู้มีอาชีพเหล่านั้น ให้มีอาชีพต่อไป แม้รายได้จะลดน้อยลง แต่เขาก็สามารถทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวให้อยู่รอด นั่นคือสิ่งที่ต้องทำ ดังนั้นเมื่อเปิดแผงค้าเกือบประมาณ 10 แผง เอาไว้ทำอะไร ก็ไว้รับซื้อสลาก ไว้จำหน่ายสลากเหมือนเดิม การทำอาชีพอย่างนี้ถือว่าเป็นอาชีพสุจริต ถึงแม้ว่าเราจะดำรงตำแหน่งในฐานะรัฐมนตรี หรือฐานะ ส.ส. ก็ตาม
อ่านประกอบ :
เช็กธุรกิจขายหวย‘ธรรมนัส’ เปลี่ยนผู้ถือหุ้นหลายครั้ง - ปี 57 รายได้สูงสุด 1,400 ล.
'ธรรมนัส’แจ้ง ป.ป.ช. เมีย 2 คน ‘อริสรา - น้องจุ๊บจิ๊บ’ - รายได้ขายหวยเดือนละ 3 ล.
‘ธรรมนัส’โอนหุ้นธุรกิจค้าหวยให้ 2 หญิงสาว ลูก‘เจ๊แดง’- คนในธรรมนัสกรุ๊ป
เปิดขุมข่ายธุรกิจล่าสุด ‘ธรรมนัส’ 17 บริษัท อู้ฟู่หลายร้อยล้าน
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/