กกต.เชือด ปธ.กลุ่มสตรีแม่บ้าน ต.ไพศาล-ผช.ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ไพศาล จ.ร้อยเอ็ด ทุจริตการเลือกตั้ง ส่งศาลฎีกาฯเพิกถอนสิทธิ-ดำเนินคดีอาญาด้วย ปมจัดทำบัญชี-แจกจ่ายเงินซื้อเสียงให้ชาวบ้านหัวละ 200-500 บาท โหวตเลือก ส.ส.พปชร. แต่ ‘รัชนี พลซื่อ’ ผู้สมัครรอด เหตุไม่มีหลักฐาน
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีคำวินิจฉัยที่ 214/2562 กรณีการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขตที่ 2 จ.ร้อยเอ็ด เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 โดยก่อนประกาศผลการเลือกตั้ง กกต. ได้รับรายงานกรณีมีเหตุอันควรสงสัยหรือความปรากฏต่อ กกต. ว่า นางรัชนี พลซื่อ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชารัฐ (ผู้ถูกกล่าวหา) มีการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) กล่าวคือ ผู้ถูกกล่าวหาใช้ ก่อ สนับสนุน หรือรู้เห็นเป็นใจให้นางสมบูรณ์ สุทธิสนธิ ประธานกลุ่มสตรีแม่บ้าน ต.ไพศาล อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด และนายบุญไร ถินนาวัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ไพศาล อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งเป็นตัวแทนหรือหัวคะแนนของผู้ถูกกล่าวหา จัดทำ ให้ เสนอให้ สัญญาว่าจะให้หรือจัดเตรียมเพื่อที่จะให้ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้แก่ผู้ใด เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนให้แก่ผู้ถูกกล่าวหา
กกต. ได้พิจารณารายงานการไต่สวนตลอดจนพยานหลักฐานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องประกอบกันแล้ว เห็นว่า เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 ระหว่างเวลาล 09.00-12.00 น. ผู้ถูกกล่าวหา ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่ห้องประชุมสาเกต ฮอลล์ ต.เหนืองเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด มีผู้เข้าร่วมฟังการปราศรัยประมาณ 1,500 คน
จากการไต่สวนผู้แจ้งเบาะแสให้ถ้อยคำว่า ก่อนจะมีการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าวประมาณ 3-4 วัน นายมนตรี สนองผัน กำนันตำบลไพศาล แจ้งให้พยานคนที่ 1 จดรายชื่อบุคคลที่จะไปร่วมฟังการปราศรัยของผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว โดยแจ้งว่า จะได้รับค่าตอบแทนในการร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งคนละ 200 บาท และคนที่นำรถยนต์ส่วนตัวมารับส่งผู้ฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งจะได้รับคนละ 500 บาท
ต่อมาในวันที่ 18 ก.พ. 2562 เวลาประมาณ 07.00 น. นายบุญไร ถินนาวัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.ไพศาล ได้มอบเงินให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส เป็นธนบัตรฉบับละ 100 บาท เป็นเงินจำนวน 4,800 บาท พร้อมกับแจ้งว่า “นี่เป็นเงินของหมู่ 4 ที่ไปฟังการปราศรัย” ผู้แจ้งเบาะแสได้นำเงินพร้อมบัญชีรายชื่อดังกล่าวไปมอบให้แก่พยานคนที่ 1 เพื่อดำเนินการแจกจ่ายต่อไป
จากการไต่สวนนายมนตรี สนองผัน กำนันตำบลไพศาล ให้ถ้อยคำว่า ก่อนการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง นางสมบูรณ์ สุทธิสนธิ ประธานกลุ่มสตรีแม่บ้าน ต.ไพศาล ได้โทรศัพท์แจ้งให้ช่วยประชาสัมพันธ์ให้กลุ่มสตรีแม่บ้านใน ต.ไพศาล เข้ารับฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว พร้อมกับแจ้งว่าจะให้เงินคนละ 200 บาท และคนที่นำรถยนต์ส่วนตัวมารับส่งผู้ฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งจะได้เพิ่มอีกคนละ 300 บาท รวมเป็นเงิน 500 บาท จึงแจ้งให้พยานคนที่ 1 แจ้งต่อสมาชิกกลุ่มสตรีแม่บ้าน บ้านดอนงัว ม.4 เข้าร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งตามวันเวลาดังกล่าวด้วย และให้จดรายชื่อผู้ที่ประสงค์จะเข้าร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งไว้
จากการไต่สวนพยานทั้งหมด 6 ราย โดยพยานคนที่ 1 ให้ถ้อยคำว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ. 2562 นายมนตรี ได้นำแบบบัญชีรายชื่อบุคคลที่จะประสงค์เข้าร่วมฟัง การปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหามามอบให้ช่วยดำเนินการแจ้งสมาชิกกลุ่มสตรีแม่บ้าน ม.4 ต.ไพศาล และให้ลงชื่อในบัญชีรายชื่อดังกล่าว ต่อมาในวันที่ 18 ก.พ. 2562 ได้ไปรับเงินค่าตอบแทนไปฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของผู้ถูกกล่าวหา จากผู้แจ้งเบาะแส จำนวน 4,000 บาท โดยหักไว้เป็นส่วนของตนจำนวน 200 บาท และมอบให้พยานคนที่ 2 จำนวน 500 บาท และพยานคนที่ 3 จำนวน 500 บาท ส่วนที่เหลือได้ฝากให้ผู้ร่วมเดินทางที่มีบ้านใกล้เคียงไปแจกจ่ายกันครบตามจำนวนที่ได้รับ
อย่างไรก็ดีนางรัชนี พลซื่อ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 จ.ร้อยเอ็ด พรรคพลังประชารัฐ ปฏิเสธว่าไม่รู้จักกับนางสมบูรณ์ และนายบุญไร และบุคคลทั้งสองไม่ได้เป็นตัวแทนหรือหัวคะแนนของตน
ข้อเท็จจริงจึงรับฟังได้ว่า ในการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของนางรัชนี พลซื่อ ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2562 ระหว่างเวลา 09.00-12.00 น. นางรัชนี ได้ปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่ห้องประชุมสาเกต ฮอลล์ ก่อนการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้ง นางสมบูรณ์ ได้ร่วมกับนายบุญไร ให้นายมนตรี และพยานคนที่ 1 และผู้แจ้งเบาะแส ชักชวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มสตรีแม่บ้าน ม.ดอนงัว ม.4 ให้ไปร่วมรับฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งของนางรัชนี และนำเงินไปมอบให้เป็นการตอบแทน โดยสัญญาว่าจะให้ค่าตอบแทนรายละ 200 บาท และเพิ่มอีกรายละ 300 บาท สำหรับผู้ที่นำรถยนต์รับส่งผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปฟังการปราศรัยหาเสียงด้วย
ต่อมาในวันที่ 18 ก.พ. 2562 นายบุญไร มอบเงินจำนวน 4,800 บาท ให้แก่ผู้แจ้งเบาะแส และผู้แจ้งเบาะแสนำเงินดังกล่าวจำนวน 4,000 บาท ไปมอบให้แก่พยานคนที่ 1 โดยได้เอาเงินเป็นของตัวเอง จำนวน 200 บาท แล้วได้นำเงินที่เหลือไปให้พยานคนที่ 2 และพยานคนที่ 3 คนละ 500 บาท และให้แก่พยานคนที่ 4 และพยานคนที่ 5 คนละ 200 บาท ส่วนที่เหลือนำไปมอบให้แก่ผู้ที่เข้าร่วมฟังการปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว ตามบัญชีรายชื่อคนละ 200 บาท เพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนเลือกตั้งให้แก่นางรัชนี พลซื่อ ผู้ถูกกล่าวหา
อย่างไรก็ดีไม่ปรากฏพยานหลักฐานว่านางรัชนี มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด การกระทำของนางสมบูรณ์ และนายบุญไร เป็นการกระทำอันเป็นการทุจริตในการเลือกตั้ง จึงเป็นการฝ่าฝืน พ.ร.บ.เลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 73 วรรคหนึ่ง (1) และมาตรา 138 จึงมีคำสั่งให้ยื่นคำร้องต่อศาลฎีกา เพื่อให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งหรือเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของนางสมบูรณ์ และนายบุญไร ให้ดำเนินคดีอาญาแก่นางสมบูรณ์ และนายบุญไร ส่วนผู้แจ้งเบาะแส และพยาน ให้กันไว้เป็นพยาน และให้ยุติเรื่องแก่นางรัชนี พลซื่อ ผู้ถูกกล่าวหา
อ่านรายละเอียดฉบับเต็ม : https://www.ect.go.th/ect_th/download/article/article_20200115163604.pdf
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/