'สมศักดิ์ เทพสุทิน' รมว.ยุติธรรม เปิดแถลงข่าวยกเลิกสัญญาเช่ากำไลคุมประพฤติอิเล็กทรอนิกส์เป็นทางการ ระบุส่งหนังสือแจ้ง บ.สุพรีมฯ แล้ว 19 ก.ย. ที่ผ่านมา พร้อมเรียกเงินค่าปรับ 83 ล้าน รวมค่าเสียหายทำให้ไม่ได้ใช้งบปี 61-62 ด้วย 29 ล้าน
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 20 ก.ย.2562 ที่กระทรวงยุติธรรม นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดแถลงข่าวว่า กรมคุมประพฤติ ได้ทำหนังสือยกเลิกสัญญาเช่ากำไลควบคุมความประพฤติอิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไล EM เป็นทางการแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันที่ 19 ก.ย.ที่ผ่านมา ทางกรมคุมประพฤติได้ทำหนังสือยกเลิกสัญญาส่งไปยังบริษัท สุพรีม ดิสพริบิวชั่น จำกัด พร้อมเรียกเงินค่าปรับเป็นจำนวน 83,825,810 บาท
นายสมศักดิ์ ระบุว่า สำหรับเงินค่าปรับแบ่งออกเป็น 4 ส่วน คือ 1.ค่าเสียหายที่เกิดจากการส่งมอบอุปกรณ์ EM เป็นเงิน 1,712,810 บาท 2. ค่าเสียหายจากการไม่นำอุปกรณ์มาเปลี่ยนใหม่ภายในระยะเวลากำหนดเป็นระยะเวลา 26 วัน โดยมี กำไล EM 4,000 เครื่อง คิดเป็นค่าเสียหายเครื่องละ 500 บาท เมื่อคิดคำนวนดูแล้วเป็นเงินค่าเสียหายทั้งสิ้น52,000,000บาท
3.ค่าเสียหายจากการที่เจ้าหน้าที่บริษัทฯ ไม่ได้มาปฏิบัติงานใน ศูนย์ควบคุมและปฏิบัติงานกำไล EM เป็นเวลา 1 เดือน เป็นค่าใช้จ่ายของพนักงาน 2 คน เป็นเงิน 22,500 บาท และ 4.ค่าเสียหายหลังจากการบอกเลิกสัญญา ที่ทำให้ทางกรมคุมประพฤติไม่ได้ใช้งบประมาณประจำปี 2561 และ 2562 รวมจำนวนทั้งสิ้น 29,788,000 บาท
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวต่อถึงขั้นตอนการดำเนินการว่า ทางกรมคุมประพฤตินั้นจะส่งรายละเอียดให้ทางสำนักงานอัยการให้เป็นผู้ดำเนินการทางคดีต่อไป ส่วนอัยการจะเห็นชอบในตัวเลขดังกล่าวหรือไม่ คงจะมีการหารือกัน แต่ขอยืนยันเบื้องต้นว่าทางกรมคุมประพฤติได้พยายามมาตลอดที่จะรักษาผลประโยชน์ของทางราชการ ดังจะเห็นได้ว่ากรมคุมประพฤติได้พยายามทวงถามและเร่งรัดบริษัทให้ดำเนินการให้ครบถ้วน แต่ก็ไม่ครบจนเห็นว่าบริษัทฯ ผิดสัญญา นับตั้งแต่การทดสอบในวันที่ 9 ส.ค.ที่พิสูจน์จนเห็นได้ว่ากำไล EM นั้นสามารถถอดออกได้ด้วยสารหล่อลื่น และไม่ส่งสัญญาณเตือนทันที
“เราได้หารือผู้เชี่ยวชาญ สถาบันการศึกษาหลายด้านจนได้ข้อสรุปว่าเราต้องดำเนินการไปแนวนี้ ตอนนี้ทราบว่าทางกรมคุมประพฤตินั้นได้แจ้งไปทางศาลแล้วว่าจะของดใช้กำไล EM ดังกล่าวนี้ จนกว่าจะสามารถปรับปรุงในทางปฏิบัติให้ได้ก่อน” นายสมศักดิ์กล่าว
เมื่อถามว่าถ้าไม่ใช่กำไล EM แล้วจะมีการควบคุมผู้ถูกคุมประพฤติอย่างไร นายสมศักดิ์กล่าวว่า "ในส่วนของศาลนั้นมีการใช้กำไล EM ไปส่วนหนึ่งแล้ว และช่วงนี้ก็เป็นช่วงหมดปีงบประมาณและขึ้นปีงบประมาณใหม่ ซึ่งจะมีการหารือกันด้วยว่าจะมีการดำเนินการกันอย่างไรต่อไป ส่วนการจะหาบริษัทใหม่มาทำสัญญากำไล EM นั้น ก็ต้องขึ้นอยู่กับการตั้งงบประมาณเป็นหลักว่าทางด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะตั้งงบกลางให้กรมคุมประพฤติเหมือนกับที่ตั้งให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพหรือไม่"
“การบริหารจัดการ ศาลจะเป็นผู้ที่ช่วยดูเพราะเขาก็มีการใช้กำไล EM อยู่แล้ว และทางกรมคุมประพฤติก็พยายามลดทอนและถอดกำไล EM ออกจนหมดหลังจากพบว่ามีปัญหา ซึ่งกรณีนี้ก็ต้องขึ้นอยู่กับดุลยพินิจศาลด้วยว่าทางศาลนั้นเขาจะให้ใช้กำไล EM ในส่วนของเขาหรือไม่”นายสมศักดิ์กล่าว
ส่วนนายประสาร มหาลี้ตระกูล อธิบดีกรมคุมประพฤติ กล่าวเพิ่มเติมว่า "เวลาศาลสั่งให้คุมประพฤตินั้น ศาลก็มีเงื่อนไขอื่นๆอยู่ในการคุมประพฤติ อาทิ การบำเพ็ญประโยชน์ การให้ไปรายงานตัว ซึ่งผู้ถูกควบคุมความประพฤติจะต้องปฏิบัติ ทางกรมคุมประพฤติแค่แจ้งไปว่ายกเลิกเงื่อนไขการใช้กำไล EM เท่านั้น ส่วนทางศาล ถ้าเห็นว่ายังต้องใช้กำไล EM อยู่ ก็เป็นดุลยพินิจของศาล อย่างไรก็ดี ทางด้านของศาลยุติธรรมและกรมประพฤตินั้นที่ผ่านมามีการทำบันทึกข้อตกลงหรือเอ็มโอยูร่วมกัน ซึ่งที่ผ่านมาตอนที่กรมคุมประพฤติยังไม่มีเครื่องมือกำไล EM ก็เคยใช้เครื่องมือของศาลมาแล้ว ปัจจุบันมีผู้ที่ถูกใช้กำไล EM อยู่จำนวน 541 เครื่อง และขณะนี้กำลังทยอยถอดกำไลออกหลังที่เกิดปัญหาดังกล่าว"
เมื่อถามว่ากรณีดังกล่าวข้าราชการได้มีส่วนร่วมในข้อผิดพลาดด้วยหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า "ที่ผ่านมานั้นเห็นความตั้งใจของเจ้าหน้าที่ ที่ยังไม่ได้จ่ายเงินเลยตั้งแต่แรก และมีหนังสือทวงถามไปยังบริษัทตลอดเวลา"
เมื่อถามว่า ในการประกวดราคาครั้งต่อไป บริษัทสุพรีม ดิสทริบิวชั่น จำกัด จะถูกลงโทษไม่ให้เข้าร่วมประกวดราคาหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า "ไม่ทราบตรงนี้ ยังเร็วเกินไปที่จะตอบว่าจะแบล็กลิสต์ (ขึ้นบัญชีดำ) ตรงนี้ แต่ยืนยันว่าของใหม่จะให้ได้ของดีและถูกที่สุด"
เมื่อถามต่อว่า ทางด้านของกรมคุมประพฤติจะมีการทบทวนการเขียนทีโออาร์ให้รัดกุมกว่านี้เพื่อป้องกันปัญหาหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า "เรื่องนี้กำลังมีการดูกันอยู่เหมือนกัน เพราะเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ ทุกคนก็พยายามตั้งใจให้ออกมาแล้วดีที่สุด แต่เมื่อออกมาแล้วมีปัญหา ทุกคนก็พยายามแก้ไข"
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ สำนักข่าวอิศรา รายงานไปแล้วว่า กรมคุมประพฤติ ได้ทำสัญญาเช่ากำไลคุมประพฤติ หรือ EM (Electronic Monitoring) มาจาก บริษัท สุพรีม ดิสทิบิวชั่น (ไทยแลนด์) จำกัด มูลค่า 74,470,000 บาท จำนวน 4,000 เครื่อง ระยะเวลาเช่า 21 เดือน นับตั้งแต่เดือน ม.ค. 2562 ถึงเดือน ก.ย. 2563 แต่ถูกตรวจสอบพบว่า สามารถถอดออกได้ ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้สั่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อทำความชัดเจนเรื่องนี้ไปแล้ว (อ่านประกอบ : ยธ.แจงผลสอบกำไล EM ถอดออกแล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ได้จริง จี้ 'คุมประพฤติ' เร่งดำเนินการ)
อ่านประกอบ :
EXCLUSIVE: เปิดคำชี้แจง บ.ผลิตกำไล EM เช่า74 ล. ไฉนถอดออกได้-ของจีนใช่หรือไม่?
'สมศักดิ์' ตั้งกก.สอบกำไลEM ถอดออกได้ แจงยังไม่ผิดTOR เหตุมีให้เลือกว่าใส่ข้อมือหรือเท้า
พบแล้ว บ.ผลิตกำไล EM เช่า 74 ล.ตัวจริง-ก่อน 'สมศักดิ์' จัดพิสูจน์เห็นเต็มตาถอดออกได้
เสนอต่ำกว่าราคากลาง41ล.! เจาะลึกสัญญากรมคุมประพฤติ เช่ากำไล EM บ.สุพรีมฯ 74.4 ล.
แกะเส้นทางเช่า 'กำไลEM' 74 ล. ก่อน 'สมศักดิ์' สั่งสอบสเปค-เพจดังแฉถอดออกเองได้?
เจาะทีโออาร์เช่ากำไล EM กรมคุมประพฤติ 74 ล. สเปคระบุชัดใส่ข้อมือ/เท้า ถอดออกไม่ได้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/