ไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่! ศาล รธน.รับคำร้อง 32 ส.ส.ฝ่ายค้านปมหุ้นสื่อ-ตีตก 1 ราย

ศาล รธน. รับคำร้อง 32 ส.ส.ฝ่ายค้าน 5 พรรค ไว้พิจารณาปมถือหุ้นสื่อ ไม่ต้องยุติปฏิบัติหน้าที่ ยกคำร้อง 1 ราย ส.ส.อนาคตใหม่ เหตุคำร้องอ้างวัตถุประสงค์ไม่ตรงกับแบบฟอร์มกระทรวงพาณิชย์-ทำธุรกิจไม่เกี่ยวข้องสื่อ

PIC sanrtn 2 7 62 1

จากกรณีพรรคพลังประชารัฐ ยื่นคำร้องถึงนายชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยสถานะความเป็น ส.ส. จำนวน 33 ราย ของพรรคร่วมฝ่ายค้านจำนวน 5 พรรค ได้แก่ พรรคอนาคตใหม่ 21 ราย พรรคเพื่อไทย 4 ราย พรรคประชาชาติ 1 ราย พรรคเสรีรวมไทย 3 ราย และพรรคเพื่อชาติ 4 ราย ถือครองหุ้นสื่อ เข้าข่ายสมาชิกภาพความเป็น ส.ส. สิ้นสุดลงหรือไม่ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 103 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) นั้น (อ่านประกอบ : เปิดชื่อ 33 ส.ส.ฝ่ายค้าน! พปชร.กลับลำส่งผ่าน ปธ.สภาฯยื่นศาล รธน.วินิจฉัยปมหุ้นสื่อ)

สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญ มีมติรับคำร้องดังกล่าว โดยประชุมปรึกษากันแล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) บัญญัติลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. ว่า “เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ” มิใช่เพียงมีเจตนาหรือมีความประสงค์จะทำกิจการดังกล่าวเท่านั้น ถึงแม้ หจก. หรือบริษัทมีวัตถุประสงค์จะประกอบธุรกิจพอที่จะใช้เป็นเหตุให้มีการยื่นคำร้องต่อศาลได้ แต่ก่อนที่ศาลจะรับคำร้องไว้พิจารณาต่อไป ยังจำเป็นต้องตรวจสอบวัตถุประสงค์ของ หจก. หรือบริษัทที่ผู้ถูกร้อง 33 ราย เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นว่า เป็นวัตถุประสงค์ที่จะประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ หรือไม่

เมื่อตรวจสอบจากคำร้องและเอกสารประกอบคำร้องแล้ว มีมติรับคำร้องไว้พิจารณา 32 ราย และไม่รับคำร้อง 1 ราย กรณีนายวุฒินันท์ บุญชู ส.ส.สมุทรปราการ พรรคอนาคตใหม่ ที่ถูกกล่าวอ้างว่าถือหุ้นในบริษัท รุ่งเรืองสยาม ซูมิคอน จำกัด โดยเห็นว่า ตามคำร้องอ้างว่า บริษัทดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ในข้อที่ 11 และข้อที่ 17 อย่างไรก็ดีเมื่อพิจารณารายละเอียดแล้วเห็นว่า ปรากฏข้อความไม่ตรงกัน และเป็นวัตถุประสงค์ที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นไปตามแนวทางพิจารณาสั่งไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในเรื่องพิจารณาที่ 12/2562 และเรื่องพิจารณาที่ 13/2562 (กรณีพรรคอนาคตใหม่ยื่นคำร้องให้ไต่สวน 32 ส.ส. ฝ่ายรัฐบาล) กรณีดังกล่าวจึงไม่เป็นลักษณะเข้าข่ายอันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพ ส.ส. ของนายวุฒินันท์ สิ้นสุดลง จึงรับคำร้องเฉพาะผู้ถูกร้อง 32 ราย ไว้พิจารณาวินิจฉัย

สำหรับคำร้องขอให้ผู้ถูกร้องทั้ง 32 รายหยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เห็นว่า รัฐธรรมนูญมาตรา 82 วรรคสอง บัญญัติเงื่อนไขไว้ว่า “ปรากฏเหตุอันควรสงสัยว่า ส.ส. ผู้ถูกร้องมีกรณีตามที่ถูกร้อง” แต่คดีนี้ไม่มีการตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริง จึงไม่ปรากฎเอกสารหลักฐานอื่นใดให้ใช้เป็นฐานแห่งการพิจารณา คงมีเพียงหนังสือรับรอง หจก. หรือบริษัท ระบุวัตถุประสงค์กับสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นซึ่งเป็นเอกสารประกอบคำร้องเท่านั้น ไม่ปรากฎแบบแสดงรายการเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ (แบบ สสช.1) และแบบนำส่งงบการเงินของ หจก. หรือบริษัท ว่ามีรายได้จากการประกอบกิจการใด กรณีจึงยังไม่มีมูลให้เห็นว่า ผู้ถูกร้องประกอบธุรกิจใด ศาลรัฐธรรมนูญจะต้องดำเนินการไต่สวนหาข้อเท็จจริงให้ยุติเสียก่อน เมื่อยังไม่ปรากฎเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ถูกร้อง 32 ราย มีกรณีตามถูกร้อง ในชั้นนี้จึงยังไม่เข้าเงื่อนไขที่จะสั่งให้ผู้ถูกร้อง 32 รายหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสอง