
ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา 'สันทัสน์ ใจปัญญา' อดีตนายกเทศฯ ตำบลป่างิ้ว เชียงราย ทุจริตรายได้กำจัดขยะ-นำเงินขายถุงไปใช้ส่วนตัว ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 5 พิพากษา จำคุก 1 ปี รับสารภาพลดเหลือ 6 เดือน เคยต้องโทษมาก่อน ไม่ได้รอลงอาญา
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายสันทัสน์ ใจปัญญา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลป่างิ้ว อำเภอเวียงป่าเป้า จังหวัดเชียงราย กับพวก ทุจริตจัดเก็บรายได้การกำจัด
ขยะ พ.ศ.2553 ของเทศบาลฯ และนำเงินจากการจำหน่ายถุงขยะไปใช้ส่วนตัว ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ป.ป.ช.พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2567 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5 มีคำพิพากษาว่า นายสันทัสน์ ใจปัญญา จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 157 (เดิม) พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2561 มาตรา 172
การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตาม พ.ร.ป. ป.ป.ช. พ.ศ. 2561 มาตรา 172 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตาม ป.อ. มาตรา 90
จำคุก 1 ปี
จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตาม ป.อ. มาตรา 78
คงจำคุก 6 เดือน
พิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบรายงานการสืบเสาะและพินิจของจำเลยแล้ว เห็นว่า แม้นิสัยและความประพฤติโดยทั่วไปของจำเลยไม่ปรากฏข้อเสียหายร้ายแรง ทั้งระหว่างพิจารณาจำเลยได้วางเงินช าระค่าเสียหายจำนวน 23,555 บาท ให้แก่ เทศบาลตำบลป่างิ้ว ผู้เสียหาย อันเป็นการบรรเทาผลร้ายจากการกระทำผิดของจำเลย
แต่จำเลยเคยรับโทษจำคุกมาก่อน ซึ่งมิใช่โทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษหรือเป็นโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนจึงไม่ใช่กรณีที่อาจรอการกำหนดโทษหรือรอการลงโทษตาม ป.อ.มาตรา 56 ได้
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2568 มีมติเห็นชอบในการที่อัยการสูงสุด (อสส.) จะไม่อุทธรณ์คำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา