
ป.ป.ช.เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา พวก 2 ราย 'อนันต์ จั่นบางยาง' อดีตนายก อบต.คลองตัน สมุทรสาคร เบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อแว่นตาวันผู้สูงอายุให้บุคคลที่ไม่ได้ประกอบการโดยตรง ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้เพิ่มบทลงโทษ ยืนจำคุก 1 ปี , 6 เดือน ตามลำดับ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อเร็ว ๆ นี้ เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่ความคืบหน้าผลคดีกล่าวหา นายอนันต์ จั่นบางยาง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) คลองตัน อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร กับพวก เบิกจ่ายเงินค่าจัดซื้อแว่นตาในโครงการจัดซื้อแว่นตาวันผู้สูงอายุประจำปีงบประมาณ 2557 ให้แก่ผู้ซึ่งไม่ได้ประกอบการเกี่ยวกับแว่นตาโดยตรง ซึ่งถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติชี้มูลความผิดทางอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 152 , 157 ประกอบมาตรา 86 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2564
โดยคดีนี้ ปรากฎชื่อ นางนวลฉวี หรือสุรนุช บุญจันทร์ เป็นจำเลยที่ 1 นายบุญชัด บุญยิ้ม เป็นจำเลยที่ 2
ความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ศาลอุทธรณ์ พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 7
จากเดิม
พิพากษาว่า นางนวลฉวี หรือสุรนุช บุญจันทร์ จำเลยที่ 1 มีความผิดตาม ป.อ.มาตรา 152 (เดิม) จำคุก 1 ปี นายบุญชัด บุญยิ้ม จำเลยที่ 2 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 152 (เดิม) ประกอบมาตรา 86 จำคุก 8 เดือน ลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 6 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
แก้เป็น
ให้ปรับบทลงโทษจำเลยที่ 1 ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 อีกบทหนึ่งและปรับบทลงโทษจำเลยที่ 2 ๒ ตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ประกอบ ป.อ. มาตรา 86 อีกบทหนึ่ง
การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 จำคุกมีกำหนด 1 ปี และจำเลยที่ 2 มีกำหนด 8 เดือน
ทางนำสืบของจำเลยที่ 2 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษหนึ่งในสี่คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
ทั้งนี้ คดีนี้ยังไม่สิ้นสุด จำเลยทั้ง 2 ราย มีสิทธิต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลที่สูงกว่านี้ได้อีก
เบื้องต้น คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีการประชุมเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2568 มีมติเห็นพ้องกับอัยการสูงสุด อสส. ที่จะไม่ฏีกาคำพิพากษา
สำหรับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 152 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่จัดการหรือดูแลกิจการใด เข้ามีส่วนได้เสียเพื่อประโยชน์สำหรับตนเองหรือผู้อื่น เนื่องด้วยกิจการนั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท
มาตรา 151 ระบุว่า ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาลหรือเจ้าของทรัพย์นั้น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท


Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา