
ป.ป.ช.รวบอดีตพนักงาน กกต.ทุจริตเบิกจ่ายเบี้ยเลี้ยงปีงบฯ 54-60 ช่วงเป็นผู้ช่วยเลขาฯ อนุ กก.วินิจฉัยฯ ที่ 11 เสียหาย 3.5 ล้าน ก่อนศาลออกหมายจับ 6 พ.ย.
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อวันที่ 11 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เผยแพร่เอกสารข่าวแจกกรณี เจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 ป.ป.ช. สืบสวนจับกุมนายสุทธิรักษ์ สำเร็จประสงค์ อดีตพนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยในช่วงที่นายสุทธิรักษ์เป็นผู้ช่วยเลขานุการคนที่ 2 ของคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 17 ของสำนักงาน กกต.มีพฤติการณ์ทุจริตเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายสำหรับการจัดประชุมคณะอนุกรรมการวินิจฉัยคำร้องและปัญหาหรือข้อโต้แย้ง คณะที่ 17 ระหว่างปีงบประมาณ 2554 - 2560 รวมเป็นเงินจำนวน 3,512,200 บาท
การกระทำดังกล่าวทำให้ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางออกหมายจับนายสุทธิรักษ์ โดยเป็นหมายจับที่ จ. 100/2568 ลงวันที่ 6 พ.ย. 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 11 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 161 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ
สำนักงาน ป.ป.ช. ภายใต้การอำนวยการของ นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายจรงค์ เกราะเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายธนิต สุวรรณากาศ ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 ทำการสืบสวนติดตามจับกุมนายสุทธิรักษ์ สำเร็จประสงค์ บุคคลตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ที่ จ. 100/2568 ลงวันที่ 6 พ.ย. 2568 ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน พ.ร.บ. ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 4, 11 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 161 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 มาตรา 123/1 (ปัจจุบันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 172) ประกอบ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 192 ในพื้นที่รับผิดชอบของสถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ
สำหรับขั้นตอนการจับกุม เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สืบสวนทราบว่า นายสุทธิรักษ์ ได้หลบหนีมาพักอาศัยอยู่ภายในซอยสุขุมวิท 30/1 ถนนสุขุมวิท แขวงคลองตัน เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร
และเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่กลุ่มสืบสวนฯ 1 พบเห็นนายสุทธิรักษ์ บริเวณพื้นที่ดังกล่าว เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงแสดงตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงาน ป.ป.ช. แสดงหมายจับและอ่านหมายจับให้นายสุทธิรักษ์ ฟัง โดยนายสุทธิรักษ์ ยอมรับว่าตนเป็นบุคคลตามหมายจับจริงและไม่เคยถูกจับกุมตามหมายจับนี้มาก่อน เจ้าพนักงานชุดจับกุมจึงแจ้งว่า นายสุทธิรักษ์ ต้องถูกจับ แจ้งข้อกล่าวหา และแจ้งสิทธิตามกฎหมายให้ทราบ จากนั้น ควบคุมตัวไปที่สถานีตำรวจนครบาลทองหล่อ เพื่อทำบันทึกการจับกุม หนังสือส่งตัวผู้ถูกกล่าวหา พิมพ์ลายนิ้วมือผู้ถูกจับ ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565
หลังจากนั้น ได้ควบคุมตัวนายสุทธิรักษ์ ไปส่งให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต และพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท. 202/2568 ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 เรียบร้อยแล้ว
อนึ่งการจับกุมดังกล่าวเกิดขึ้นภายใต้การอำนวยการของ นายสุรพงษ์ อินทรถาวร รองเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. นายจรงค์ เกราะเหมาะ ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ นายธนิต สุวรรณากาศ ผู้อำนวยการกลุ่มสืบสวนและปฏิบัติการข่าว 1 มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ไปดำเนินการ






Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา