
ตามยึดทรัพย์ได้ 5.7 แสนคดีเมีย พ.ต.ท. รองผกก. ใน จ.พะเยา หลอกเป็น จนท. ปปง.รีดทรัพย์เหยื่อ อ้างบัญชีเงินฝากถูกอายัด ส่งมอบเงิน ทองคำ เสียหาย 227.8 ล. ถูกศาลจำคุกคนละ 20 ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีคำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมที่ ย 225/2568 ลงวันที่ 11 กันยายน 2568 เรื่อง ยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว รายคดีนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก และพวก ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น อ้างเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหลอกลวงว่า ผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีต่าง ๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ อันเป็นเท็จ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบทรัพย์สินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเป็นเงินสด เงินโอนทางบัญชีเงินฝากธนาคาร ส่งมอบทองคำแท่งและทองรูปพรรณ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 227,807,200 บาท ศาลาอาญาพิพากษาจำคุก 20 ปี
รวมทรัพย์สินที่ยึดและอายัดทั้งสิ้น จำนวน 24 รายการ รวมราคาประเมินจำนวนทั้งสิ้นประมาณ 573,905.77 บาท (ห้าแสนเจ็ดหมื่นสามพันเก้าร้อยห้าบาทเจ็ดสิบเจ็ดสตางค์) พร้อมดอกผล
คำสั่งคณะกรรมการธุรกรรมมีรายละเอียดดังนี้
@ เปิดรายละเอียดคำสั่งยึดอายัดทรัพย์
ด้วยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (สำนักงาน ปปง.) ได้รับรายงาน จากสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา ตามหนังสือที่ ตข.0020.65/4139 ลงวันที่ 22 สิงหาคม 2567 เรื่อง รายงานการดำเนินคดีความผิดมูลฐาน ซึ่งเป็นกรณีพฤติการณ์แห่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ กล่าวคือ เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 สถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยาได้รับคำร้องทุกข์ของนางอรพิมพ์ ให้ดำเนินคดีกับนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง โดยแสดงตนเป็นคนอื่น พนักงานสอบสวนได้รับคำร้องทุกข์ไว้เป็นคดีอาญา
จากการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน พบความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มคนร้าย มีการวางแผนแบ่งงานกันทำเพื่อหลอกลวงด้วยการแสดงข้อความ อันเป็นเท็จ โดยแสดงตนเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหลอกลวงว่า ผู้เสียหายเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในคดีต่าง ๆ ต้องมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่าง ๆ อันเป็นเท็จ ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อมอบทรัพย์สินให้กับกลุ่มผู้ต้องหาเป็นเงินสด เงินโอนทางบัญชีเงินฝากธนาคาร ส่งมอบทองคำแท่งและทองรูปพรรณ รวมมูลค่าความเสียหายทั้งสิ้นประมาณ 227,807,200 บาท
คดีนี้มี ความเสียหายจำนวนมาก เป็นที่สนใจของผู้บังคับบัญชาและประชาชน ตำรวจภูธรจังหวัดพะเยาจึงมีคำสั่งตั้ง คณะพนักงานสืบสวนสอบสวน และพบว่านางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก ผตองหา กับพวกมีพฤติการณ์ในการกระทำความผิดซ้ำ ๆ อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2565 - พ.ศ. 2567 โดยนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก จะทำหน้าที่ติดต่อกับผู้เสียหาย และอาศัย ความน่าเชื่อถือของ พันตำรวจโท ธนโชติ รองผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรแม่กา ซึ่งเป็นสามี
ระหว่างนั้น ก็จะอ้างว่าบัญชีเงินฝากธนาคารถูกเจ้าหน้าที่ ปปง. อายัด และนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก สร้างแอปพลิเคชันเฟซบุ๊กอ้างตนเป็นเจ้าหน้าที่ ปปง. ทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อและเกิดความหวาดกลัว โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของกลุ่มผู้ต้องหา มอบเงินสดและทองคำให้นางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก
ต่อมาผู้เสียหายได้แจ้งความให้ดำเนินคดีอาญากับนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก ที่ เป็นคดีอาญา ต่อมาศาลจังหวัดพะเยาในคดีหมายเลขดำ คดีหมายเลขแดงที่ พิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 มีความผิด ฐานร่วมกันฉ้อโกงและฐานร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มาตรา 341 (2) ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นความผิด หลายกรรม ต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 91 ลงโทษ จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 2 กระทงละ 2 ปี รวม 36 กระทง จำคุกคนละ 72 ปี เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้ว คงจำคุกคนละ 20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (2)
นอกจากนั้นยังตรวจสอบพบประวัติว่า นางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก มีพฤติการณ์กระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงทรัพย์ ในคดีอื่นอีก ได้แก่ คดีอาญาที่ ของสถานีตำรวจภูธรเมืองพะเยา มีนางปรียา เป็นผู้เสียหาย แต่คดีนี้พนักงานอัยการได้มีคำสั่งให้ยุติการดำเนินคดีเนื่องจากผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์เนื่องจากได้รับ การชดใช้ค่าเสียหายเป็นที่พอใจแล้ว
นอกจากนั้นยังมีประวัติคดีฉ้อโกงทรัพย์ที่สถานีตำรวจภูธรเมืองขอนแก่น เป็นคดีอาญาที่ ซึ่งนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก หลบหนีหมายจับ ของศาลจังหวัดขอนแก่น จึงเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงทรัพย์ที่กระทำซ้ำๆ กันหลายครั้ง ซึ่งมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และกรณีมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่า นางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดดังกล่าว
ในการนี้ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปราม การฟอกเงิน ในการประชุมคณะกรรมการธุรกรรม ครั้งที่ 1/2568 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่ประชุม มีมติมอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่เพื่อดำเนินการตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ประกอบกับคำสั่งเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.130/2568 ลงวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิด รายนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก และคำสั่งเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ลับ ที่ ม.411/2568 ลงวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 เรื่อง มอบหมายพนักงานเจ้าหน้าที่ตรวจสอบธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) รายนางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ดำเนินการ ตรวจสอบรายงานการทำธุรกรรมหรือข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมของบุคคลดังกล่าวแล้ว
ปรากฏหลักฐานเป็น ที่เชื่อได้ว่านางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก มีพฤติการณ์แห่งการกระทำ อันเข้าลักษณะเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (18) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และจากการตรวจสอบข้อมูลการทำธุรกรรมหรือทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด รวมทั้ง จากการรวบรวมพยานหลักฐาน ปรากฏว่าบุคคลดังกล่าวได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 24 รายการ พร้อมดอกผล และเนื่องจากทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีนี้ประกอบด้วย สังหาริมทรัพย์ประเภทโทรศัพท์มือถือและแทปเล็ต อันเป็นทรัพย์สินที่ไม่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียน โดยเจ้าของหรือผู้ครอบครองทรัพย์สินสามารถโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นได้โดยง่าย สังหาริมทรัพย์ประเภทรถยนต์ อันเป็นทรัพย์สินที่ปรากฏหลักฐานในทางทะเบียนในการควบคุม การเสียภาษี หรือการเป็นผู้ครอบครองทรัพย์สินดังกล่าว โดยผู้มีชื่อเป็นผู้ครอบครองอาจดำเนินการโอนเปลี่ยนแปลงชื่อ ผู้มีสิทธิครอบครองในทางทะเบียนได้โดยง่าย และสังหาริมทรัพย์ประเภทเงินในบัญชีเงินฝากธนาคารอันเป็น ทรัพย์สินที่สามารถโอน ยักย้าย ปกปิดหรือซ่อนเร้นได้โดยง่ายหากมิได้มีการออกคำสั่งให้ยึดและอายัดทรัพย์สิน ดังกล่าวไว้ชั่วคราว เมื่อเจ้าของหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือผู้มีสิทธิในทรัพย์สินดำเนินการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าวไปเสีย และหากต่อมาศาลได้มีคำสั่งให้ทรัพย์สินดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดิน สำนักงาน ปปง. อาจไม่สามารถติดตามทรัพย์สินดังกล่าวกลับคืนมาได้ จึงเป็นกรณีที่มีเหตุอันควร เชื่อได้ว่า นางสาวปรายฟ้า หรือนางสาวนัยน์ชนก ได้ไปซึ่งทรัพย์สินที่เกี่ยวกับ การกระทำความผิดและอาจมีการโอน จำหน่าย ยักย้าย ปกปิด หรือซ่อนเร้นทรัพย์สินดังกล่าว
@ สั่งยึดอายัดทรัพย์ ชั่วคราว 24 รายการ
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (3) และมาตรา 48 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติ ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม มติคณะกรรมการธุรกรรมในการประชุม ครั้งที่ 10/2568 เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2528 และระเบียบคณะกรรมการธุรกรรม ว่าด้วยการรับเรื่อง การตรวจสอบ การพิจารณาดำเนินการ และการควบคุมตรวจสอบการปฏิบัติงานของพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2556 ข้อ 25 คณะกรรมการธุรกรรม จึงมีคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว จำนวน 24 รายการ พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน (เก้าสิบวัน) นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการธุรกรรมมีมติ กล่าวคือ นับตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2568 ถึงวันที่ 9 ธันวาคม 2568 โดยมีรายการทรัพย์สินที่ยึดและอายัดปรากฏตามบัญชีทรัพย์สิน แนบท้ายคำสั่งนี้
ทั้งนี้ ให้รวมถึงเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาจากการจำหน่าย จ่าย โอนด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวหรือสิทธิเรียกร้องหรือผลประโยชน์หรือดอกผลของเงินหรือทรัพย์สินดังกล่าวด้วย
ในกรณีผู้ซึ่งถูกยึดหรืออายัดทรัพย์สินตามคำสั่งนี้หรือผู้มีส่วนได้เสียในทรัพย์สินดังกล่าว ประสงค์จะขอให้มีการเพิกถอนคำสั่งยึดและอายัดทรัพย์สินดังกล่าวนั้น ให้ยื่นคำขอเป็นหนังสือต่อเลขาธิการ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินพร้อมด้วยหลักฐานที่เกี่ยวข้องที่แสดงว่าเงินหรือทรัพย์สิน ที่ถูกยึดหรืออายัดดังกล่าวนั้น มิใช่ทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้ง คำสั่งเป็นหนังสือ
อนึ่ง การยักย้าย ทำให้เสียหาย ทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย ทำให้สูญหายหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์สินที่เจ้าพนักงานยึดหรืออายัดไว้หรือที่ตนรู้หรือควรรู้ว่าจะตกเป็นของแผ่นดิน อาจมีความผิดทางอาญา และต้องระวางโทษตามนัยมาตรา 65 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542






Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา