
สธ. เร่งแก้ รพ.ขาดสภาพคล่อง-เพิ่มค่าตอบแทนบุคลากร เล็งใช้'แพ็คเกจประกันสุขภาพท็อปอัพ' ดึงเงินประกันเอกชนเข้าสู่ระบบ คาดสร้างรายได้หมื่นล้าน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย. 2568 นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข ครั้งที่ 11/2568 ณ กระทรวงสาธารณสุข ว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการติดตามงานที่มอบหมายไป รวมถึงความคืบหน้าของนโยบายการฟอกไตฟรี ซึ่งได้รับการตอบรับจากสถานบริการเป็นอย่างดี และไม่มีการเก็บเงินจากผู้ป่วย
@มุ่งสร้างขวัญกำลังใจบุคลากรและปรับปรุงสวัสดิการ
นายพัฒนา กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีการติดตามเรื่องความก้าวหน้าการดำเนินงานสร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากร ซึ่งปลัด สธ. กำลังดูแลเรื่องนี้อยู่ รัฐมนตรีพัฒนาได้มอบหมายให้ปลัด สธ. ติดตามความคืบหน้าการสร้างขวัญกำลังใจแก่บุคลากร และปรับแผนการกระจายตัวของแพทย์และบุคลากรสาธารณสุขทั้งระบบ เพื่อเติมเต็มพื้นที่ที่ยังขาดแคลนบุคลากร (พื้นที่สีแดงและสีเหลือง)
นายพัฒนากล่าวถึงแรงจูงใจที่ใช้ในการดึงดูดบุคลากรไปยังพื้นที่ที่ต้องการ ได้แก่ การเพิ่ม 'ค่าตอบแทน' ทั้งที่เป็นตัวเงินและไม่ใช่ตัวเงิน รวมถึงการปรับปรุงคุณภาพของสวัสดิการอย่างบ้านพักแพทย์ที่มีคุณภาพมากขึ้น เพื่อให้บุคลากรที่เหนื่อยล้าสามารถกลับมาพักผ่อนในบ้านพักที่ดีได้ โดยจะมีการนำร่องในพื้นที่ตามแนวชายแดนเป็นต้น
@หาทางออกปมเงินบำรุงและสภาพคล่องทางการเงิน
นายพัฒนา กล่าวอีกว่า สธ. เข้าใจและรับทราบปัญหาข้อจำกัดของเงินบำรุงที่โรงพยาบาลหลายแห่งประสบภาวะขาดสภาพคล่องทางการเงิน หากต้องนำมาใช้เพิ่มค่าตอบแทน ขณะนี้จึงกำลังหาทางออกเพื่อเติมเงินเข้าระบบ และคาดว่าเร็วๆ นี้จะได้ข้อสรุป
"หนึ่งในแนวทางหลักคือการให้โรงพยาบาลรัฐสร้างรายได้เพิ่มจากช่องทางอื่น เช่น การให้บริการผู้ป่วยกลุ่มประกันสุขภาพเอกชน สธ. กำลังหารือกับสมาคมประกันภัยและสมาคมประกันชีวิต เพื่อผลักดันให้มีการทำประกันภัยหรือประกันสุขภาพในรูปแบบใหม่" นายพัฒนาระบุ
@เล็งผุด 'แพ็คเกจประกันสุขภาพท็อปอัพ' ดึงรายได้เข้ารพ.รัฐ
นายพัฒนา กล่าวถึงรูปแบบประกันสุขภาพใหม่ ว่า จะคล้ายกับ 'แพ็คเกจโทรศัพท์' ที่อาจมีการท็อปอัปสิทธิประโยชน์ในบางช่วงบางเวลา หรือมีการเพิ่มสิทธิประโยชน์ (Add-on) จากสิทธิเดิมที่ประชาชนมีอยู่ โดยการดำเนินการนี้จะจัดแบ่งเป็นส่วน (segment) เช่น สำหรับโรงพยาบาลรัฐ, โรงพยาบาลรัฐขนาดใหญ่ และพื้นที่ภูมิภาค
นานพัฒนา กล่าวด้วยว่า แนวคิดนี้มาจากการวิเคราะห์ความเสี่ยงที่พบว่าประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่มักเดินทางข้ามจังหวัดค่อนข้างน้อย หรือเดินทางในรัศมีเพียง 100-200 กิโลเมตรเท่านั้น
นายพัฒนา เปิดเผยว่าอคาดหวังว่าหากนโยบายนี้สำเร็จ เงินที่ได้จากเบี้ยประกันจะไหลเข้าสู่โรงพยาบาลภาครัฐมากขึ้น ซึ่งจะช่วยดึงเงินเข้ารัฐได้ในมูลค่าสูงถึง หลัก 10,000 ล้านบาท นอกจากนี้ เงินที่ได้จากโครงการนี้อาจมีการจัดสรรเพื่อ เพิ่มค่าตอบแทนให้แก่บุคลากร ด้วย
สำหรับการอำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการประกันสุขภาพเอกชน นายพัฒนากล่าวว่า อาจมีการจัดโซนพื้นที่เฉพาะภายในโรงพยาบาล หรือการให้บริการคลินิกพรีเมียมในเวลาของโรงพยาบาลรัฐ ซึ่งเป็นอีกแนวทางที่กำลังพิจารณาอยู่ รายละเอียดของแผนสร้างรายได้และค่าตอบแทนจะมีการหารืออีกครั้งในสัปดาห์หน้า
@ยืนยันกำลัง 'กลัดกระดุมเม็ดแรก' แก้ปัญหาสปสช. เชิงโครงสร้าง
นายพัฒนา กล่าวถึงในส่วนของการแก้ไขปัญหากองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กรณีที่องค์กรแพทย์บางส่วนวิพากษ์วิจารณ์มติการแก้ไขปัญหางบผู้ป่วยใน (IP) ว่า เป็นเพียงแนวทางเฉพาะหน้า โดยเขายืนยันว่า ปัญหาเฉพาะหน้าได้แก้ไขแล้ว แต่ขณะนี้กำลังลุยแก้ปัญหาใน เชิงโครงสร้าง ซึ่งต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทั้ง สธ. และ สปสช.
นายพัฒนา เปรียบเทียบการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างนี้ว่าอยู่ระหว่าง 'กลัดกระดุมเม็ดที่ 1 เม็ดที่ 2 เม็ดที่ 3' และกล่าวว่า การแก้ไขที่ลงลึกถึงระบบโครงสร้างเช่นนี้ หากจะเรียกว่า 'ปฏิรูป' ก็เป็นไปได้ แม้ตนจะมีเวลาทำงานสั้นๆ แต่ท่านปลัด สธ. มีเวลาอีกนาน จึงรับรองได้ว่าปัญหาเชิงโครงสร้างจะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา