
‘พิพัฒน์’ สั่งเลขาฯEEC ทำนัดหารือโปรเจ็กต์ไฮสปีด 3 สนามบิน ทั้งรฟท.-ซี.พี.-อัยการฯ คาดภายใน พ.ย.นี้ได้คุย ‘อู่ตะเภา’ คิวถัดไป เผยการบ้านโมเดลผู้โดยสารตลอดอายุสัญญา 50 ปี เตรียมส่งภายในเดือน พ.ย.เช่นกัน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้รับทราบความคืบหน้าของแผนงานต่างๆที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.หรือ EEC) ดำเนินการ
เบื้องต้น สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ที่มีการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เป็นเจ้าของโครงการและมี บจ.เอเชีย เอรา วัน (ซี.พี.) ในฐานะเอกชนคู่สัญญา นายพิพัฒน์กล่าวว่า หลังจากที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีข้อสังเกตเกี่ยวกับโครงการจำนวน 18 ประเด็น ได้มอบหมายให้นายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ EEC ดำเนินการนัดหมาย 5 ฝ่าย ได้แก่ รฟท.,ซี.พี.,สำนักงานอัยการสูงสุด, EEC และกระทรวงคมนาคมโดยตนเอง มาประชุมหาทางออกเกี่ยวกับประเด็นต่อไป
ด้านนายจุฬา สุขมานพ เลขาธิการ EEC เปิดเผยว่า ได้จัดเตรียมข้อมูลไว้พร้อมแล้ว ภาพรวมของโครงการตอนนี้ รฟท.และซี.พี.ค่อนข้างจะเห็นตรงกันในหลายๆประเด็นแล้ว เพียงแค่ว่าพออัยการสูงสุดมีความเห็น 18 ประเด็นที่เกี่ยวกับโครงการ ซึ่งในที่ประชุมเห็นว่า บางประเด็นก็ ‘ตึง’ เกินไป ซึ่งมีอยู่บางข้อเท่านั้น ส่วนมีอยู่กี่ประเด็นที่ยังเห็นต่าง ยังไม่ทราบ เพราะก่อนหน้านี้ รฟท.ก็เหมือนจะทำหนังสือสอบถามอัยการสูงสุดอีกรอบหนึ่งเช่นกัน ก็ต้องรอทางนั้นก่อน แต่แน่นอนว่า หนึ่งในข้อที่ยังเป็นประเด็น คือ การอนุมัติให้โครงการสามารถสร้างไป-จ่ายไป ทั้งนี้ คาดว่าจะนัดหมายกันได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ เพื่อให้มีข้อสรุปเสนอบอร์ด EEC ในเดือน ธ.ค.ต่อไป
เมื่อถามว่า มีการหารือถึงหลักการแก้ไขสัญญาที่บอร์ด EEC เห็นชอบไปก่อนหน้านี้หรือไม่ นายจุฬากล่าวว่า วันนี้ไม่ได้หารือลึกขนาดนั้น เพราะหลักการต่างๆอัยการสูงสุดตรวจหมดแล้ว แต่ไม่มีอำนาจแก้ไข จึงเขียนเป็นข้อสังเกตทั้ง 18 ประเด็นแทน
ส่วนข้อเสนอที่ให้ต่อขยายโครงการออกไปถึงจ.ระยอง จันทบุรี และตราดนั้น นายจุฬากล่าวว่า รัฐมนตรีก็มีกล่าวถึง โดยความคิดของรัฐมนตรีมองว่า ทำไมไม่มองสนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางของโครงการ ทำไมถึงมองเป็นปลายทาง เพราะถ้ามองเป็นศูนย์กลาง โครงการนี้มันจะไปต่อได้ถึง จ.ตราด ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้ผู้โดยสารมีมากขึ้นเป็น 2 ขา ทั้งขาออกจากกรุงเทพฯ กับขาเข้าจากเส้นทางนอกกรุงเทพฯ แต่ประเด็นสำคัญก็ต้องพิจารณาถึงต้นทุนต่างๆ เพราะค่อนข้างใช้เงินทุนสูง โดยอาจจะเป็นสัญญาใหม่มากกว่า แต่ยังไม่รู้ว่าจะรวมอยู่ในแพคเกจนี้ด้วยหรือไม่
@เตรียมคุย ‘อู่ตะเภา’ ต่อหลังจบไฮสปีด
ส่วนการแก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการภาคตะวันออก มูลค่า 290,000 ล้านบาท ที่มีกองทัพเรือเป็นเจ้าของโครงการ และมี บจ.อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น (UTA) เป็นเอกชนคูาสัญญานั้น เลขาธิการ EEC ระบุว่า หลังจากหารือเรื่องรถไฟความเร็วสูงแล้ว นายพิพัฒน์ก็มีแนวคิดที่จะเชิญผู้เกี่ยวข้องกับโครงการสนามบินอู่ตะเภามาพูดคุยเช่นกัน ประเด็นสำคัญคือ การสละเงื่อนไขรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน รวมถึงการลดไซส์อาคารผู้โดยสารระยะที่ 1 เหลือ 3 ล้านคน/ปี และการทำโมเดลคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารตลอดอายุสัมปทาน 50 ปีว่าจะสามารถคงระดับไว้ที่ 60 ล้านคน/ปีหรือไม่ ซึ่งทาง UTA จะไปจ้างที่ปรึกษาศึกษาเอง โดยน่าจะส่งผลการศึกษาได้ภายในเดือน พ.ย.นี้ ซึ่ง EEC ก็ต้องมาตรวจสอบผลการศึกษาที่ UTA ทำมาว่า เป็นไปได้จริงหรือไม่

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา