
ค่าครองชีพกระฉูด กทม.ปรับขึ้นค่าโดยสารส่วนต่อขยายสายสีเขียวจากเดิม 15 บาทตลอดสายเป็นตามระยะทางเริ่ม 17-45 บาท เริ่ม 1 พ.ย.นี้ เชื่อลดภาระขาดทุนจาก 5,000 ล้านบาท/ปี เหลือขาดทุน 3,000 ล้านบาท/ปี
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 23 ตุลาคม 2568 นายวิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า กรุงเทพมหานคร (กทม.) เตรียมปรับโครงสร้างอัตราค่าโดยสารโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวในส่วนต่อขยายทั้งสามช่วง ได้แก่ หมอชิต–คูคต, แบริ่ง–สมุทรปราการ และโพธิ์นิมิตร–บางหว้า โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป
รองผู้ว่านกทม.กล่าวว่า ปัจจุบัน กทม. ดูแลการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) รวม 36 สถานี ระยะทาง 44 กม. การปรับอัตรา ค่าโดยสารครั้งนี้ เป็นการเปลี่ยนจากอัตราเดิม 15 บาทตลอดสาย มาเป็นโครงสร้าง “ค่าโดยสารตามระยะทาง” (Distance Fare) เพื่อให้สะท้อนต้นทุนการให้บริการที่แท้จริง และรักษาความมั่นคงของระบบขนส่งมวลชนในระยะยาว สำหรับอัตราใหม่ การเดินทางภายในส่วนต่อขยายจะเริ่มต้นที่ 17 บาท และเพิ่มขึ้นตามระยะทางไม่เกิน 45 บาท ส่วนผู้โดยสารที่เดินทางข้ามช่วงระหว่างส่วนสัมปทานและส่วนต่อขยาย ค่าโดยสารรวมสูงสุดไม่เกิน 65 บาท (เพิ่มจากปัจจุบันเพียง 3 บาท) ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าค่าโดยสารเฉลี่ยของระบบรถไฟฟ้าในเมืองใหญ่ทั่วโลก
“ที่ผ่านมา กทม. เก็บค่าโดยสารส่วนต่อขยายเพียง 15 บาทตลอดสาย ซึ่งไม่สอดคล้องกับต้นทุนค่าจ้างเดินรถและ ค่าบำรุงรักษา ทำให้ กทม. ต้องแบกรับค่าใช้จ่ายและใช้งบประมาณสนับสนุนชดเชยส่วนต่างปีละกว่า 6,000 ล้านบาท โดยรายได้จากการเดินรถในส่วนต่อขยายอยู่ที่ประมาณ 2,400 ล้านบาทต่อปี ขณะที่รายจ่ายรวมสูงถึง 9,012 ล้านบาท การปรับโครงสร้างค่าโดยสารในครั้งนี้จึงมีความจำเป็น เพื่อให้ระบบขนส่งมวลชนของเมืองสามารถดำเนินการได้อย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ” นายวิศณุกล่าว
รองผู้ว่าฯกทม.กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม กทม. ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับประชาชน จึงได้จัดมาตรการบรรเทาและช่วยเหลือ อย่างเหมาะสม ได้แก่ เด็กและนักศึกษา (อายุไม่เกิน 23 ปี) ลดค่าโดยสาร 30% และผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป) ลดค่าโดยสาร 50% ทั้งนี้ กลุ่มที่ได้รับผลกระทบหลัก คือผู้โดยสารที่เดินทางเฉพาะในส่วนต่อขยาย ซึ่งค่าโดยสารจะเพิ่มขึ้น 2–30 บาท ตามระยะทาง ส่วนผู้โดยสารที่ใช้เฉพาะส่วนสัมปทานเดิมจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง กทม. ยืนยันว่าจะดำเนินการอย่างรอบคอบ เพื่อไม่ให้เป็นภาระเกินควรต่อประชาชน พร้อมรักษามาตรฐาน การให้บริการให้สะดวก ปลอดภัย และคุ้มค่า ตามหลักการของระบบขนส่งมวลชนเมืองสมัยใหม่

วิศณุ ทรัพย์สมพล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สามารถสอบถามหรือเสนอแนะเพิ่มเติมได้ที่ สำนักการจราจรและขนส่ง โทร. 02 354 1211 หรือ เว็บไซต์ https://traffic.bangkok.go.th, บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด โทร. 02 168 3368 หรือเว็บไซต์ https://www.thanakom.co.th, บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) โทร. 02 617 6000 หรือ Facebook Page “รถไฟฟ้าบีทีเอส”
แหล่งข่าวจากกทม.เปิดเผยสำนักข่าวอิศราว่า จากการปรับค่าโดยสารดังกล่าวจะทำให้กทม.มีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 2,000 ล้านบาท/ปี และจะช่วยให้ภาระการขาดทุนจากการดำเนินการเดินรถและซ่อมบำรุงในส่วนต่อขยายที่ 1-2 ลดลงจาก 5,000 ล้านบาท/ปี เหลือ 3,000 ล้านบาท/ปี

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา