
'ทรัมป์' เคาะเก็บภาษีไทย 19% เท่ากับอินโดฯ-ฟิลิปปินส์-กัมพูชา-มาเลย์ ส่วนเมียนมา-ลาวโดนหนักสุด 40% มีผล 1 ส.ค. ให้ รมว.พาณิชย์-ผู้แทนการค้าติดตามพร้อมแนะนำมาตรการหากประเทศคู่ค้าตอบโต้ เผยหากใครใช้ประเทศอื่นขนสินค้าแทนส่อเจอเก็บภาษี 40%
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งประธานาธิบดีเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากไทยอัตรา 19% ลดจากเดิม 36 % มีผล 1 ส.ค.นี้
ขณะที่อัตราภาษีแบบต่างตอบโต้ของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียนนั้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ เวียดนาม 20 % อินโดนีเซีย 19 % ฟิลิปปินส์ 19 % กัมพูชา 19 % มาเลเซีย 19 % สิงคโปร์ 10 % เมียนมา 40% ลาว 40% บรูไน 25% สิงคโปร์ 10% อินโดนีเซีย 19%

Further Modifying the Reciprocal Tariff Rates – The White House
ในรายละเอียดคำสั่งระบุด้วยตอนหนึ่งว่าในส่วนของการบังคับใช้คำสั่งนั้น
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ และผู้แทนการค้าสหรัฐอเมริกา (ตามความเหมาะสม) โดยหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝ่ายนโยบายเศรษฐกิจ ผู้ช่วยประธานาธิบดีและที่ปรึกษาอาวุโสฝ่ายการค้าและการผลิต ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติ และประธานคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศ ได้รับคำสั่งและมอบอำนาจให้ดำเนินการที่จำเป็นทั้งหมดเพื่อนำคำสั่งนี้ไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการระงับหรือแก้ไขข้อบังคับหรือประกาศใน Federal Register เป็นการชั่วคราว และโดยการกำหนดกฎ ระเบียบ หรือแนวทางปฏิบัติ และให้ใช้อำนาจทั้งหมดที่พระราชบัญญัติอำนาจเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ (IEEPA) มอบให้แก่ประธานาธิบดีตามที่จำเป็นเพื่อนำคำสั่งนี้ไปปฏิบัติ หน่วยงานบริหารและหน่วยงานแต่ละแห่งจะต้องดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทั้งหมดภายในอำนาจหน้าที่ของตนเพื่อนำคำสั่งนี้ไปปฏิบัติ
สำหรับในส่วนของการให้คำแนะนำและการติดตามระบุว่า
(A) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะต้องติดตามสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประกาศไว้ในคำสั่งบริหาร 14257 (คำสั่งเก็บภาษีตอบโต้) และจะต้องปรึกษาหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ดังกล่าวกับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่ตนเห็นสมควรอย่างสม่ำเสมอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะต้องแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบถึงสถานการณ์ใดๆ ที่ตนเห็นว่าอาจบ่งชี้ถึงความจำเป็นที่ประธานาธิบดีจะต้องดำเนินการเพิ่มเติม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะต้องแจ้งให้ข้าพเจ้าทราบถึงสถานการณ์ใดๆ ที่ตนเห็นว่าอาจบ่งชี้ว่าคู่ค้าต่างประเทศได้ดำเนินการอย่างเพียงพอเพื่อแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประกาศไว้ในคำสั่งบริหาร 14257
(B) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ จะต้องปรึกษาหารือกับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่พวกเขาเห็นว่าเหมาะสม เพื่อแนะนำฉันเกี่ยวกับการดำเนินการเพิ่มเติมที่จำเป็น หากการดำเนินการนี้ไม่มีประสิทธิผลในการแก้ไขภาวะฉุกเฉินที่ประกาศไว้ในคำสั่งฝ่ายบริหาร 14257
(C) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์และผู้แทนการค้าสหรัฐฯ ร่วมกับเจ้าหน้าที่อาวุโสที่เกี่ยวข้อง จะแนะนำการดำเนินการเพิ่มเติม หากจำเป็น ในกรณีที่คู่ค้าทางการค้าต่างประเทศไม่ดำเนินขั้นตอนที่เหมาะสมเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินที่ประกาศไว้ในคำสั่งฝ่ายบริหาร 14257 หรือในกรณีที่คู่ค้าทางการค้าต่างประเทศตอบโต้สหรัฐฯ เพื่อตอบสนองต่อการดำเนินการเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินที่ประกาศไว้ในคำสั่งฝ่ายบริหาร 14257 หรือคำสั่งใดๆ ที่ออกตามมาเพื่อแก้ไขภาวะฉุกเฉินดังกล่าว
ในคำสั่งตอนหนึ่งยังได้ระบุรายละเอียดด้วยว่า ในกรณีที่หน่วยงานศุลกากรของสหรัฐฯ ตรวจพบว่ามีการขนถ่ายสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงอากรศุลกากรที่เกี่ยวข้องภายใต้คำสั่งนี้ จะต้องเสียภาษี อัตราอากรศุลกากรตามมูลค่าเพิ่มเติม 40 เปอร์เซ็นต์ แทนอัตราอากรศุลกากรตามมูลค่าเพิ่มเติมที่ใช้บังคับภายใต้ของคำสั่งนี้

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา