
ก.พ.ค. ลุยสะสาง 795 คดีค้าง ตั้งเป้า 488 เรื่องเก่าให้จบปี 69 พร้อมเร่งพิจารณาโยกย้ายบิ๊กข้าราชการมหาดไทย คาดเสร็จตามกรอบกฎหมาย เผย 'นฤชา โฆษาศิวิไลซ์' อธิบดี สถ. ถูกเด้งเป็นผู้ตรวจ ร้องเรียนเอง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 นายวรวิทย์ สุขบุญ ประธานกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 - 18 กรกฎาคม 2568 สำนักงาน ก.พ. (ฝ่ายเลขานุการ ก.พ.ค.) ได้จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการระหว่าง ก.พ.ค. กรรมการวินิจฉัยฯ ผู้บริหารสำนักงาน ก.พ. และเจ้าหน้าที่ สพค. ที่โรงแรมซันธารา เวลเนส รีสอร์ท แอนด์ โฮเทล จังหวัดฉะเชิงเทรา มีวัตถุประสงค์เพื่อทบทวนการปฏิบัติงานในรอบครึ่งปีแรกว่ามีผลการดำเนินการอย่างไร และจะดำเนินการต่อไปอย่างไรต่อไปในครึ่งปีหลัง
นายวรวิทย์ กล่าวว่า ก.พ.ค. มีนโยบายในการดำเนินการเรื่องค้างเก่า (ปี 2560 – 2565) ซึ่งเป็นเรื่องอุทธรณ์จำนวน 472 เรื่อง เรื่องร้องทุกข์จำนวน 16 เรื่อง รวมจำนวน 488 เรื่อง ให้แล้วเสร็จในปี 2569
จากข้อมูลสถิติ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2567 ก.พ.ค. มีจำนวนเรื่องค้างดำเนินการจำนวน 870 เรื่อง และในช่วงระหว่างวันที่ 1 มกราคม - 30 มิถุนายน 2568 มีเรื่องรับใหม่อีกจำนวน 116 เรื่อง รวมทั้งสิ้น 986 เรื่อง ดำเนินการแล้วเสร็จจำนวน 191 เรื่อง คงเหลือจำนวน 795 เรื่อง
นายวรวิทย์ มีแนวทางในการดำเนินการขับเคลื่อนให้เรื่องที่พิจารณาแล้วเสร็จตามแผนปฏิบัติงานที่วางไว้ เมื่อเดือนมกราคม 2568 โดยให้แต่ละองค์คณะฯ ทบทวนแผนการปฏิบัติงานและกำหนดแนวทางปฏิบัติงานใหม่เร่งรัดการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผนและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นระหว่างปฏิบัติงาน จัดลำดับความสำคัญของเรื่อง การบริหารจัดการภายในองค์คณะฯ การทำงานเป็นทีม รวมทั้งการสนับสนุนจาก สพค. ในทุกมิติ
นายวรวิทย์ กล่าวถึงเรื่องร้องทุกข์ที่น่าสนใจในรอบครึ่งปีแรก ได้แก่ การร้องทุกข์กรณีผู้ร้องทุกข์ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้รักษาราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 1 แต่ไม่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ก.พ.ค. พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่คู่กรณีในการร้องทุกข์ได้พิจารณาเสนอชื่อข้าราชการจากบัญชีรายชื่อผู้มีคุณสมบัติทุกรายตามมาตรฐานกำหนดตำแหน่งที่ ก.พ. กำหนด โดยคำนึงถึงศักยภาพผลสัมฤทธิ์ของงาน สมรรถนะ ประวัติการรับราชการ ความรู้ความสามารถ ความเชี่ยวชาญ พฤติกรรมทางจริยธรรมและความประพฤติ ประสบการณ์ในภารกิจหลักขององค์กร ตลอดจนประโยชน์ของทางราชการ เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว และคู่กรณีในการร้องทุกข์ใช้ดุลพินิจในการเสนอชื่อบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีโดยไม่ปรากฏเหตุอันมีสภาพร้ายแรงโดยปราศจากเหตุผล ดังนั้น การที่คู่กรณีในการร้องทุกข์พิจารณาเสนอชื่อบุคคล จำนวน 2 ราย เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี จึงชอบด้วยกฎหมายแล้ว คำร้องทุกข์ฟังไม่ขึ้น วินิจฉัยให้ยกคำร้องทุกข์
สำหรับเรื่องร้องทุกข์เกี่ยวกับการโยกย้ายของข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย นั้น นายวรวิทย์ กล่าวว่า ก.พ.ค. ได้รับเรื่องร้องทุกข์ตามระบบงานสารบรรณ เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 และจะได้มอบหมายให้องค์คณะกรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ พิจารณาดำเนินการต่อไป โดยเห็นว่ากรณีดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจของสาธารณชนจะพิจารณาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กฎหมายกำหนด
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยไม่เป็นธรรม ที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ คือ กรณี นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์ อธิบดีกรมการปกครอง และนายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ถูกโยกย้ายไปเป็นผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย โดยผู้ร้องเรียนต่อ ก.พ.ค. คือ นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา