
พิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง หัวหน้าทีมไทยแลนด์ เผย ผลเจรจาสหรัฐ ฯ มั่นใจ อัตราที่โดนจัดเก็บอยู่ในจุดที่แข่งขันได้ ส่วนข้อเสนอใหม่ ปฏิบัติได้ รับปากเฉยๆไม่ได้ เตรียมแผนสำรอง-เยียวยาผู้ประกอบการ จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เชื่อ หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง ครม.พ้นทั้งคณะ-นายกฯลาออก การเจรจา ไม่สะดุด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังนำคณะประเทศไทยเข้าสู่กระบวนการเจรจาอย่างเป็นทางการกับนายเจมิสัน กรีเออร์ (Mr. Jamieson Greer) ผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (United States Trade Representative – USTR ) เมื่อวันที่ 3 ก.ค.68 ที่ผ่านมา เพื่อหาข้อตกลงอัตราภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ที่ไทยถูกตั้งไว้ 36 % ว่า มี 10 กว่าประเทศที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ส่งอัตราภาษีมาให้ ซึ่งในข้อความจะมีบอกว่าให้เราเร่งคุยก่อนวันที่ 1 ส.ค.68 ให้ได้
นายพิชัยกล่าวว่า ในหนังสือระบุอัตราภาษีที่ส่งมามี 2-3 ลักษณะ ลักษณะที่หนึ่ง ถ้ายังไม่ได้เจรจา หรือ ยังไม่ได้อยู่ในอัตราที่สหรัฐฯ คิดว่าเหมาะสมแล้ว จึงยืมตามเดิม ส่วนอะไรที่เกิน 40 % ขึ้นไปเยอะๆ ทุกคนก็จะดึงลงมาอยู่ที่ 40 % หรือ อัตราคงเดิม ลักษณะที่สอง คือ สหรัฐฯ คิดว่าเคยเสนอไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะต่ำกว่าเดิม แต่ก็มีการปรับให้เข้ากลุ่ม เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น มาเลเซีย ซึ่งเราต้องใช้เวลาจากนี้ทำงานให้หนักขึ้น มั่นใจว่า ข้อมูลที่เราส่งไปแล้วเมื่อวันที่ 6 ก.ค. ถึงวันที่ 7 ก.ค. ทางผู้ปฏิบัติได้รับแล้ว
“ผมก็ยังมั่นใจว่า สุดท้ายแล้ว อัตราภาษีก็จะอยู่ในจุดที่เราสามารถแข่งขันได้”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนข้อเสนอใหม่ที่ส่งไปยังสหรัฐฯใหม่นั้น โดยปกติรายการที่เสนอไปจำนวนมากผ่านการค้าเสรี หรือ FTA อยู่แล้ว ในอัตราภาษี 0 % จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เราจะเก็บภาษีสหรัฐฯ มากกว่าประเทศอื่น
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอที่เราต้องการขอลดอัตราภาษีไปกี่เปอร์เซ็นต์ นายพิชัยกล่าวว่า ขอให้ไทยอยู่ในกลุ่มที่สามารถแข่งขันได้ สินค้าประเภทไหนที่เราส่งออกเหมือนกันกับประเทศนั้นๆ ก็ควรจะอยู่ในกลุ่มเดียวกัน
เมื่อถามว่า อัตราภาษีที่ขอลดไป ต่ำกว่าเวียดนามที่ถูกเก็บในอัตรา 20 % หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ข้อเสนอที่ส่งไปไม่ได้บอกว่าเราจะขอลดการจัดเก็บจาก 36 % เป็นเท่าไหร่ เป็นการเจรจาจนกว่าสหรัฐฯจะเห็นว่า ได้เท่าไหร่ สหรัฐฯก็จะเป็นผู้กำหนดเอง
“สิ่งที่เราทำ คือ เราอยากจะร่วมมืออะไรกันบ้าง และที่เราจะนำเข้าจากสหรัฐฯหน้าตาเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นฝ่ายสหรัฐฯมากกว่า ว่าจะเก็บภาษีในอัตราเท่าไหร่ แต่ผมเชื่อว่า วันนี้ไม่ได้อัตราเดียวแล้ว แต่อาจจะมีอัตราหนึ่งยืนตลอด ที่เหลืออาจจะเป็นอัตราที่สอดคล้องกับลักษณะของสินค้านั้นๆ”นายพิชัยกล่าว
นายพิชัยกล่าวว่า ส่วนความร่วมมือกับกลุ่มบริกส์ (BRICS) นั้น ไทยไม่ได้เป็นสมาชิก เป็นเพียงหุ้นส่วน เข้าไปเรียนรู้ สังเกตการณ์มากกว่า
เมื่อถามว่า ยังต้องบินไปเจรจาที่สหรัฐฯด้วยตัวเองอีกหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ถ้ามีอะไรที่ต้องการความชัดเจน ยืนยัน พร้อมเดินทางตลอด
“เราจะโดนเก็บภาษี 36 % หรือไม่ยังไม่รู้ โดนเท่าไหร่ไม่รู้ แต่ข้อเสนอที่เรายื่นไปเป็นข้อเสนอที่สุจริตใจ (good faith) บนความเปิดเผย สิ่งที่เราให้ไปต้องคำนึงว่า เวลาเราให้ข้อเสนออะไรไปจะมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนมาก เพราะเฉพาะนั้นแต่ละฝ่ายก็ต้องยอมรับได้ ซึ่งเรามั่นใจ เพราะสิ่งที่เรายื่นข้อเสนอไปสามารถอธิบายได้ วัดผลได้ ปฏิบัติได้ ได้ผลต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำๆหายๆ รับปากเฉยๆไม่ได้ ต้องปฏิบัติได้ด้วย”นายพิชัยกล่าว
เมื่อถามว่า เราเดินเกมช้าไปหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ไม่ช้า เพราะถึงแม้ว่าจะเดินทางไประหว่างวันที่ 1-3 ก.ค.68 แต่ก่อนหน้านั้นเป็นเดือนได้มีการคุยกันตลอด และลงลึกถึงรายการสินค้าในแต่ละหมวด จึงไม่ได้เป็นการคุยในเรื่องนโยบายอย่างเดียว
เมื่อถามว่า รัฐบาลมีแผนสำรองหรือไม่ ถ้าสหรัฐฯเก็บภาษี 36 % พิชัยกล่าวว่า แน่นอนว่า ต่อให้ต่ำกว่า 36 % ก็ต้องมีแผนสำรอง
เมื่อถามว่า อัตราภาษีที่พอจะทำให้ไทยแข่งขันกับประเทศอื่นได้ประเมินตัวเลขไว้ที่เท่าไหร่ นายพิชัยกล่าวว่า ต้องถามว่า แข่งกับใคร แล้วประเทศนั้นได้เท่าไหร่ อันนั้นคือคำตอบ
เมื่อถามว่า เวียดนามเป็นคู่แข่งหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า สินค้าบางประเภท บางชนิด
เมื่อถามว่า มีแผนเยียวยาผู้ประกอบการหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า อยู่ในแผนอยู่แล้ว เพราะถึงแม้ว่ายังตกลงกันไม่ได้ การตัดสินใจสุดท้ายยังไม่เกิดขึ้น การส่งออกก็จะชะลอไป มีผู้ได้รับผลกระทบ ก็ต้องมีการเตรียมการไว้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า จะมีการนำงบกระตุ้นเศรษฐกิจมาใช้หรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ต้องดูว่ามีความจำเป็นและถูกที่ถูกทางหรือไม่ เพราะเรายังมีแหล่งเงินอื่นๆ เช่น ตลาดเงิน ตลาดทุน ที่จะมานำช่วยเหลือกรณีได้รับผลกระทบ
เมื่อถามว่า จะต้องตั้งกองทุนฉุกเฉินเพื่อเยียวยาผู้ประกอบการหรือไม่ นายพิชัยกล่าวว่า ขณะนี้ได้เริ่มเก็บข้อมูลผู้ประกอบการแล้ว เพื่อหามาตรการเข้าแหล่งเงินทุนให้ตรงกับความต้องการ ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องเป็นกองทุน แต่เป็นแหล่งของเงินบางที่แล้วแต่ชนิดของความช่วยเหลือ
เมื่อถามว่า ความไม่ชัดเจนในเรื่องของผลการเจรจาส่งผลกระทบกับตลาดหุ้นเช้าวันนี้ นายพิชัยกล่าวว่า ความรู้สึกในขณะนี้เกิดขึ้นกับทุกประเทศคู่ค้า จากการประเมินวันนี้หลายประเทศตกอยู่ในที่นั่งคล้ายๆกัน แต่เป็นหน้าที่ของเราต้องชี้แจง
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวถึงข้อเสนอแนวทางการรื้องบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 เพื่อรองรับวิกฤตที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตว่า ถ้าเข้าใจกลไกงบประมาณจะไม่ห่วง เนื่องจากพ.ร.บ.วิธีการงบประมาณ มีกลไกในการทำงบประมาณ จัดสรรและใช้งบประมาณ มีความยืดหยุ่นรองรับ สามารถปรับตัวได้ตามสถานการณ์ ไม่ต้องเป็นห่วง
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด กระบวนการทำงบประมาณและตัวเลขเป็นการประมาณการณ์ทั้งสิ้น เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงก็ต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ ซี่งการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบปี 69 ที่อยู่ในชั้นคณะกรรมาธิการฯ หากมีการปรับเปลี่ยนอย่างเป็นนัยสำคัญก็สามารถปรับเปลี่ยนได้โดยการแปรญัตติ ซึ่งเป็นอำนาจของสภา และสุดท้ายยังมีอำนาจของฝ่ายบริหารที่จะนำงบประมาณไปผัน ไปเปลี่ยนให้ตรงเป้ามากขึ้น กรณีเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เมื่อถามว่า หากการเจรจายืดเยื้อและในอนาคตเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองกรณีศาลรัฐธรรมนูญพิจารณากรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จ ฮุน เซน อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ให้นางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งซึ่งส่งผลให้ครม.พ้นทั้งคณะ หรือ นางสาวแพทองธาร ลาออก กลไกการเจรจาในปัจจุบันจะเดินหน้าต่อไปได้หรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า ไม่ว่าจะเกิดกรณีใดๆ เชื่อว่า องคาพยพของรัฐไทยและกฎหมายรัฐธรรมนูญก็รองรับ เช่น กรณีพ้นจากตำแหน่งก็มีครม.ที่ยังรักษาการอยู่ หรือในกรณีที่ไม่มีแม้รักษาการ ปลัดกระทรวงก็จะทำหน้าที่แทน ดังนั้น การเจรจาก็ยังเดินหน้าอยู่ ไม่สะดุดติดขัด

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา