
‘พริษฐ์’ ปราม ‘ภูมิใจไทย’ น้องใหม่ฝ่านค้านคิดดีๆ จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เพราะยื่นได้ครั้งเดียวต่อสมัยการประชุม ชี้เป็นอาวุธทรงพลังต้องเอาให้แม่น แนะ ‘แพทองธาร’ ทบทวนบทบาทตัวเอง ด้าน ‘โรม’ กังขาเป้าหมายพรรคสีน้ำเงิน ทำไมต้องซักฟอกตอนนี้ เพราะถ้ายื่นแล้ว นายกฯยุบสภาไม่ได้ ผิดวัตถุประสงค์ของพรรคส้ม
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส. บัญชีรายชื่อ และ โฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ว่า กรณีที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมเสนอขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในการเปิดสมัยการประชุมในวันที่ 3 ก.ค.นี้นั้น ต้องขอบคุณพรรฝ่ายค้านน้องใหม่ อย่างพรรคภูมิใจไทยที่เชิญชวนพรรคร่วมฝ่ายค้านผ่านสื่อมวลชน เรื่องแนวคิดเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย 2560 แต่ในส่วนของพรรคประชาชนวางหลักการไว้ว่า ยืนยันว่าจะใช้ทุกกลไกของรัฐสภาในการตรวจสอบรัฐบาลแก้ไขปัญหาให้กับประเทศ การอภิปรายตามมาตรา 151 และ 152 รวมถึงกรรมาธิการฯ โดยสถานการณ์ประชาชนจำนวนไม่น้อยเริ่มสูญเสียความไว้วางใจต่อรัฐบาล เราก็พร้อมเป็นตัวแทนในการตรวจสอบรัฐบาล
“ขอยืนยันว่ากลไก 151 มาแน่นอน แต่กลไกนี้เป็นอาวุธที่ทรงพลัง ใช้ได้เพียงหนึ่งครั้งต่อสมัยการประชุม คือตั้งแต่ในวันที่ 3 ก.ค. 2568 - 2 ก.ค. 2569 จะใช้ได้เพียงหนึ่งครั้ง ดังนั้น แม้จะเป็นอาวุธที่ทรงพลังแต่ต้องใช้อย่างแม่นยำและต้องหวังผล ทั้งมติในสภาและความไม่ชอบธรรมของรัฐบาล แต่อีกมุมหนึ่งก็ไม่ต้องการให้ใช้อาวุธนี้อย่างเสียของ เพราะหากใช้ไปแล้วนายกรัฐมนตรีพ้นจากตำแหน่งไม่ว่าจะด้วยวิธีการใด จะกลายเป็นว่าไม่สามารถใช้กลไกนี้ได้อีกแม้จะมีนายกฯ คนใหม่เข้ามา จึงจำเป็นต้องหารือเรื่องจังหวะเวลาที่เหมาะสมในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 โดยจะหารือกับพรรคร่วมฝ่ายค้านเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน” นายพริษฐ์กล่าว
@เหตุผลปรับครม. ฟังไม่ขึ้น แนะนายกฯทบทวนตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าทางรัฐบาลระบุว่าเพิ่งมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ควรให้เวลาทำงานก่อน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ไม่ได้เป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นนัก เพราะนายกรัฐมนตรียังเป็นคนเดิม แม้ปรับครม. จะเปลี่ยนไปบ้าง ซึ่งเชื่อว่ารัฐมนตรีใหม่ส่วนหนึ่งเป็นคนที่ทำงานอยู่ในรัฐบาลชุดที่แล้ว จึงต้องขอดูก่อนว่าครม. ใหม่ที่จะตั้งประกอบด้วยใครบ้าง จะได้สรุปถูกว่า นอกจากจะยื่นไม่ไว้วางใจนายกฯแล้ว จะยื่นไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีคนใดอีกบ้าง
ทั้งนี้ ในระหว่างการรอหารืออยากจะสื่อสารไปถึงนายกฯ อยากให้ใช้เวลาในช่วงนี้ทบทวนการทำหน้าที่ของตัวเอง เข้าใจว่าสถานการณ์ในปัจจุบันมีหลายมิติ การตัดสินใจของรัฐบาลอาจจะมีการเลือกวิธีที่ถูกบ้างผิดบ้าง ในฐานะฝ่ายค้านก็จะพยายามเสนอแนะหากเห็นว่าดำเนินไปในทางที่ไม่ถูกต้อง แต่คิดว่าคุณสมบัติของผู้นำเมื่อใดก็ตามที่ผิดพลาดไปก็ควรต้องรู้ตัวเอง และการที่นายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์ว่าคลิปเสียงที่คุยกับสมเด็จฮุนเซนไม่ได้สร้างความเสียหายให้กับประเทศเป็นการสะท้อนให้เห็นว่านายกฯยังไม่ ทบทวนอย่างจริงจังในข้อผิดพลาดที่ทำไปเป็นอย่างไร จึงอยากให้นายกฯทบทวนการตัวเองว่าพร้อมจะทำหน้าที่ต่อหรือไม่ หากทบทวนแล้วคิดว่าไม่สามารถเรียกความไว้วางใจจากประชาชนกลับคืนมาได้ ทางพรรคยืนยันว่าทางออกที่ดีที่สุดคือการยุบสภา คืนอำนาจให้กับประชาชน เพราะเมื่อใดก็ตามที่ได้ยื่นญัตติไปแล้ว ทางเลือกของนายกฯในการยุบสภาก็จะไม่มีอีกต่อไป
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยประกาศจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจออกมาแล้วจะมีการทบทวนหรือชะลออย่างไร นายพริษฐ์ กลาวย้ำว่า การยื่นญัตติ ตามมาตรา 151 จะต้องหารือร่วมกันระหว่างพรรคร่วมฝ่ายค้าน แต่ก็ถือว่าเป็นแนวคิดของพรรคฝ่ายค้านน้องใหม่ที่ยื่นผ่านสื่อมวลชน แต่ในเชิงทางการพรรคประชาชนได้นัดสส. หารือกันอยู่แล้วในเรื่องนี้ และเมื่อได้ข้อสรุปก็จะหารือร่วมกับฝ่ายค้านพรรคอื่น เพราะมีการเปลี่ยนองค์ประกอบรัฐบาลจึงต้องมีการหารือร่วมกัน ทั้งเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 และสัดส่วนวิปฝ่ายค้าน
เมื่อถามอีกว่า เป็นเพราะมีข้อมูลไม่เพียงพอหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ปัจจัยไม่ใช่เรื่องข้อมูลแต่เป็นเรื่องของจังหวะเวลา ที่จะใช้ได้ผลและไม่เสียของ ซึ่งเรื่องนี้พร้อมหารือกับพรรคภูมิใจไทยและพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะทุกคนเห็นถึงสถานการณ์และความไม่พอใจของสังคมต่อการทำหน้าที่นายกฯ ดังนั้นข้อมูลที่พรรคภูมิใจไทยมีจะต้องนำมากางเพื่อพูดคุยกัน เพราะถ้าเป็นข้อมูลใหม่ ที่เกี่ยวกับการทำงานของพรรคแกนนำรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมาถ้านำเสนอต่อสังคมก็อาจทำให้ชัดเจนขึ้นว่าเหตุใดจึงควรไม่ไว้วางใจรัฐบาลชุดนี้ แต่ก็จะมีคำถามกลับไปเหมือนกันว่าที่ผ่านมาหากมีข้อมูลนี้มาตลอดทำไมถึงพึ่งมานำเสนอต่อสังคมตอนนี้
“ยืนยันว่าจะรีบหารือกัน และหวังว่าในวันที่ 3 ก.ค.ก็จะมีการเปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งมีข่าวแว่วมาว่าจะไม่มีการเรียกประชุม เพราะจนถึงขนาดนี้ยังไม่มีหนังสือเชิญถือว่าผิดวิสัยมากเพราะปกติแล้วหากวันเปิดสมัยการประชุมตรงกับวันพฤหัส แล้วจะมีเพียงวันเดียวแต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ไม่เคยไม่เรียกการประชุม หวังว่าประธานจะเร่งดำเนินการเรื่องนี้”นายพริษฐ์ กล่าว
@ภูมิใจไทยมาเป็นฝ่ายค้านเลือกไม่ได้ แต่ให้ระวังตรวจสอบแน่
เมื่อถามว่าพรรคภูมิใจไทย ที่มีจุดยืนไม่ตรงกันรับมาเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านจะทำให้การทำงาน มีปัญหาหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า โดยระบบรัฐสภาฝ่ายค้านไม่มีสิทธิ์เลือก เหมือนที่เคยเปรียบเปรยไว้ว่าพรรคร่วมรัฐบาลกับคนที่เป็นแฟนกัน แต่พรรคฝ่ายค้านเหมือนคนโสดที่เหลืออยู่มาร่วมกันจึงเลือกไม่ได้ และตั้งแต่มีสภานี้มา พรรคประชาชนต้องอยู่ร่วมกับพรรคฝ่ายค้านมากมายไปหมด บางพรรคตอนแรกก็เป็นฝ่ายค้านแต่พอมีโอกาสร่วมรัฐบาลก็ไปร่วมทันที บางพรรคอาจจะเคยอยู่รัฐบาลแต่ก็มีครึ่งหนึ่งมาอยู่ฝ่ายค้าน จึงคิดว่า พรรคประชาชนเดินหน้าทำงานตามจุดยืนแนวทางของเรา อะไรที่ต้องร่วมมือกันกับพรรคร่วมฝ่ายค้านก็ให้เกียรติซึ่งกันและกันแต่ก็ต้องรักษาจุดยืนและหลักการของตัวเอง
เมื่อถามต่อว่า การตรวจสอบรัฐบาลอาจเป็นการตรวจสอบย้อนหลังถึงพรรคภูมิใจไทยด้วยจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตรงไปตรงมาเราตรวจสอบทุกคนที่มีอำนาจใครก็ตามใช้อำนาจรัฐแทนประชาชนโดยมิชอบ โดยใช้ภาษีของประชาชนโดยไม่สมเหตุสมผลเราจะตรวจสอบทั้งหมด
@กังขา ‘ภูมิใจไทย’ ทำไมต้องอภิปราย เพราะพรรคส้มต้องการยุบสภา
ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.) กล่าวว่า ในเรื่องดังกล่าวไม่ทราบเจตนาของทางพรรคภูมิใจไทยว่าเหตุใดจึงเร่งรัด เนื่องจากการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ จะเป็นการปิดโอกาสไม่ให้นายกฯ ยุบสภาฯ เพราะผิดจากเจตนารมณ์ของประชาชน พรรคประชาชนที่ต้องการให้นายกรัฐมนตรียุบสภาฯ และคืนอำนาจให้กับประชาชนในการเลือกตั้งใหม่
ดังนั้น คงจะต้องมีการหารือกันในพรรคร่วมฝ่ายค้าน เพราะจะต้องมีรายละเอียดในหลายขั้นตอน พร้อมกับย้ำว่า การยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเป็นความตั้งใจของพรรคประชาชนอยู่แล้ว
สำหรับพรรคภูมิใจไทยที่ไม่ได้อยู่ฝั่งรัฐบาล ขณะนี้ก็ยังไม่มีการพูดคุย แต่เชื่อว่าหลังจากนี้ทางหัวหน้าพรรคจะต้องมีการเจรจาหรือพูดคุยในรายละเอียด เพราะพรรคประชาชนทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านมาแล้วถึง 2 ปี มีความเข้าใจขั้นตอนของการทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านได้เป็นอย่างดี

รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ปชน.)

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา