
‘พีระพันธุ์’ ถกรับมือผลกระทบ ‘อิหร่าน’ จ่อปิด ‘ช่องแคบฮอร์มุซ’ เตรียมใช้ ‘กองทุนน้ำมัน’ ตรึงราคาน้ำมันในประเทศ พร้อมสั่ง ‘กฟผ.’ เร่งสำรอง ‘ก๊าซ LNG’
............................................
เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พลังงาน ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินด้านพลังงาน หลังจากสหรัฐฯโจมตีโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่าน ล่าสุดรัฐสภาอิหร่านลงมติเห็นชอบในการปิดช่องแคบฮอร์มุซ ซึ่งเป็นเส้นทางในการขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศที่สำคัญ และอาจทำให้ supply น้ำมันหายไปประมาณ 20% ของความต้องการโลก
นายพีระพันธุ์ กล่าวว่า จากสถานการณ์การสู้รบระหว่างอิสราเอล-อิหร่าน ทวีความรุนแรงมากขึ้น จึงเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นการเร่งด่วน เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ โดยเฉพาะการนำเข้าน้ำมันที่ต้องผ่านช่องแคบฮอร์มุซ นั้น ได้เตรียมแผนในการจัดหาจากแหล่งอื่นทดแทน โดยต้องคำนึงถึงต้นทุนราคาพลังงานเป็นสำคัญ รวมทั้งเตรียม Scenario ต่างๆ เพื่อรองรับ โดยเฉพาะด้านราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ และก๊าซ LNG ที่ต้องใช้ในการผลิตไฟฟ้า
“ในด้านราคาน้ำมัน จะใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมารักษาเสถียรภาพด้านราคา รวมทั้งอาจขอความร่วมมือกับกระทรวงการคลังลดการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต หากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกยังพุ่งสูงขึ้น ในด้านปริมาณสำรองฯ จะจัดหาน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นในภูมิภาคทดแทน และอาจเพิ่มปริมาณสำรอง ส่วนก๊าซ LNG ที่เป็นเชื้อเพลิงหลักในการผลิตไฟฟ้า ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าผ่านช่องแคบฮอร์มุซ ได้สั่งการให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) เร่งหาแหล่งก๊าซ LNG ราคาถูกมาเตรียมไว้
จึงขอยืนยันว่ากระทรวงพลังงาน ติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเตรียมแนวทางบริหารจัดการด้านราคาและปริมาณสำรองภายในประเทศ โดยเฉพาะหากการสู้รบรุนแรงและยืดเยื้อ และขอให้ประชาชนอย่าตื่นตระหนก ขอให้มั่นใจว่ากระทรวงฯจะติดตามและดำเนินทุกมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาและปริมาณสำรองน้ำมัน และขอให้ประชาชนใช้พลังงานอย่างประหยัด ก็จะช่วยให้ประเทศลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานได้” นายพีระพันธุ์ กล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ปัจจุบันประเทศไทยนำเข้าน้ำมันดิบประมาณ 90% โดยน้ำมันดิบประมาณ 60% นำเข้าจากประเทศในตะวันออกกลาง ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต ซาอุดิอาระเบีย และโอมาน ซึ่งต้องขนส่งน้ำมันทางเรือผ่านช่องแคบฮอร์มุซ
ทั้งนี้ ณ ปัจจุบันราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ประมาณ 72 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณสำรองน้ำมันภายในประเทศ ณ วันที่ 23 มิ.ย.2568 มีน้ำมันดิบเพียงพอต่อความต้องการใช้ 22 วัน และมีน้ำมันดิบที่อยู่ระหว่างขนส่ง (ผ่านช่องแคบฮอร์มุซแล้ว) เพียงพอต่อความต้องการใช้ 20 วัน และน้ำมันสำเร็จรูปเพียงพอต่อความต้องการใช้ 18 วัน รวมปริมาณน้ำมันคงเหลือที่สามารถใช้ได้ 60 วัน
ส่วนสถานะกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ข้อมูล ณ วันที่ 22 มิ.ย.2568 กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ติดลบ 35,408 ล้านบาท โดยเป็นบัญชีก๊าซหุงต้มติดลบ 44,403 ล้านบาท และในส่วนของบัญชีน้ำมันสถานะเป็นบวก 8,995 ล้านบาท ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ได้มีการปรับลดการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงทั้งน้ำมันเบนซินและดีเซลไปแล้วรวม 4 ครั้ง เพื่อช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันให้กับประชาชน

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา