ศาลฎีกาฯเตรียมพร้อมนัดไต่สวนคดีชั้น 14 ทนายทักษิณ ยืนยันเจ้าตัวไม่ต้องไปศาล คาดไม่มีมวลชนไปแน่นอน เผยศาลอนุมัติให้ขยายส่งเอกสารไต่สวนถึงวันที่ 23 มิ.ย. ขณะ อสส.แจงศาลยังไม่มีข้อเท็จจริงชี้แจง เพราะเป็นชั้นบังคับคดี ขณะฝ่ายตำรวจคาดวันที่ 13 มิ.ย.มวลชนมาไม่เยอะ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานข่าวความคืบหน้าในแต่ละฝ่ายจากกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งองค์คณะไต่สวนการบังคับโทษจำคุกของ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ไปรักษาตัวที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ และนัดไต่สวน วันที่ 13 มิ.ย. โดยนายทักษิณเป็นจำเลยในคดีหมายเลขแดงที่ อม4/2551 ,คดีหมายเลขแดงที่ อม.10 /2552 ,คดีหมายเลขแดงที่ อม.5/2551
โดยนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความเเละผู้รับมอบอำนาจ นายทักษิณ กล่าวว่า ในวันที่ 13 มิ.ย.นี้ตนเเละทีมทนายความก็จะเดินทางไปศาลฎีกา ในส่วนประเด็นชี้เเจงเราก็ทำเตรียมไปชี้แจง เนื่องจากการพิจารณาคดีนี้เป็นรูปเเบบลักษณะคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ก็เตรียมชี้เเจงในส่วนที่เกี่ยวข้องในฐานะผู้ต้องปฏิบัติตามระเบียบและกฎหมายในขณะต้องรับโทษตามความเป็นจริง ต้องดูว่าภายหลังจากศาลได้รับข้อมูลจากหน่วยงานต่างๆเเล้ว ศาลจะมีการดำเนินกระบวนพิจารณาอย่างไร หรือมีประเด็นอะไรเพิ่มหรือไม่ ซึ่งตนเป็นทั้งทนายความเเละในฐานะผู้รับมอบอำนาจสามารถกระทำการเเทนตัวการได้ ในที่กฎหมายให้กระทำการแทนได้
ในส่วนมวลชนก็คาดว่าจะไม่มีเดินทางไป ตนทำคดีมาก็ไม่เคยมีลักษณะที่จะนำมวลชนไปศาล ทนายทำหน้าที่ทนายไม่ใช่ผู้นำมวลชน ที่ผ่านมาก็ทำคดีโดยยึดตามหลักกฎหมายเป็นไปตามขั้นตอน ในส่วนนายทักษิณลูกความของตนก็จะไม่ได้เดินทางไปศาลด้วยเนื่องจากศาลฎีกาฯนักการเมืองก็ไม่ได้มีหมายเรียกท่านมา ท่านต้องใช้สิทธิชี้แจงต่อศาลตามกระบวนการ
โดยก่อนหน้านี้ได้ยื่นขอศาลฎีกาฯนักการเมืองขอขยายเวลาส่งเอกสารไต่สวนไป 30 วัน โดยศาลฎีกาฯอนุญาตถึงวันที่ 23 มิ.ย.
ขณะที่ทางฝั่งของอัยการสูงสุด (อสส.) ในฐานะโจทก์ มีรายงานว่า ขณะนี้ อสส.ยังไม่ได้มอบหมายให้ใครไปศาลฎีกา หรือจำเป็นที่อัยการจะต้องเดินทางไปหรือไม่ เเต่ถ้าในหน้างานก็จะเป็นของสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริตฯ ซึ่งจนปัจจุบันนี้ก็ยังไม่ได้มีคำสั่งมอบหมายให้ใครไป
โดยอสส.ได้มีการชี้เเจงไปยังศาลฎีกาแล้วว่าไม่มีข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เนื่องจากเป็นชั้นบังคับคดี เพราะพอหลังจากศาลมีคำพิพากษาเเล้วทางอัยการก็ไม่มีหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง
ขณะที่ทางฝั่งของศาลฎีกาฯ หลังจากวันที่ 30 เม.ย. ศาลฎีกาฯได้มีคำสั่งให้ส่งสำเนาคำร้องให้โจทก์และจำเลยในคดีทั้ง 3 คดี แจ้งต่อศาลว่ามีข้อเท็จจริงตามที่อ้างในคำร้องหรือไม่ พร้อมกับสำเนาคำร้องให้ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษเทพมหานคร อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ ให้ชี้แจงข้อประกอบการพิจารณาของศาล ว่าการดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการบังคับโทษจำคุกแก่จำเลยเป็นไปตามหมายจำคุกเมื่อคดีถึงที่สุดของศาล หรือไม่ พร้อมแสดงหลักฐานที่เกี่ยวข้องภายใน 30 วัน
กรณีนี้ศาลฎีกาฯ ไม่ได้มีการออกหมายเรียกตัวนายทักษิณ มาไต่สวนในวันที่ 13 มิ.ย.แตอย่างใด และทางองค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 5 คนรวมถึงศาลฎีกาฯก็ไม่ได้มีคำสั่งอะไรเป็นพิเศษ ทำให้คาดว่าในวันที่ 13 มิ.ย.นี้จะยังไม่มีคำสั่งชี้ขาดเกี่ยวกับปมบังคับโทษนายทักษิณ
สำหรับมาตรการเกี่ยวกับการรักษาความปลอดภัยในวันที่ 13 มิ.ย. จะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเเละเจ้าพนักงานตำรวจศาลดูเเลเป็นหลักรวมถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ควบคุมฝูงชน (คฝ.)เเละตำรวจจาก สน.ชนะสงคราม จะเข้ามาทำหน้าที่ โดยเจ้าหน้าที่คาดว่า ในวันดังกล่าวจะยังไม่มีมวลชนมาเยอะเนื่องจาก เป็นการนัดพร้อมไต่สวนคำชี้เเจงที่ได้หมายเรียกมาจากคู่ความเเละหน่วยงานต่างๆ
โดยสื่อมวลชนที่ต้องการทำข่าวในวันที่ 13 มิ.ย. ก็จะต้องมีการขออนุญาตทำข่าว ตามระเบียบปฏิบัติของศาล ซึงห้ามถ่ายภาพคลิปวีดีโอในบริเวณอาคารศาล และถ้าหากสื่อมวลชนจำนวนมากแสดงความประสงค์ต้องการที่จะเข้าไปภายในห้องพิจารณาคดี ก็อาจจะเปิดห้องถ่ายทอดสัญญาณ คอนเฟอร์เรนซ์อีกห้องหนึ่ง เเต่ถ้าจำนวนไม่มากก็จะอนุญาตให้เข้าฟังในห้องพิจารณาคดีได้ โดยทั้งสองห้องผู้ที่เข้าฟังจะต้องฝากเครื่องมือสื่อสารไว้ข้างนอก นำเข้าได้เพียงสมุด ปากกา
ซึ่งในวันนั้นถ้าหากมีผู้สื่อข่าวมากันเป็นจำนวนมาก ทางศาลฎีกาฯจะมีการกันโซน หน้าอาคารศาลฎีกาฝั่งคลองหลอดเพื่ออำนวยความสะดวก หรือหากกรณีมีรถถ่ายทอดสด ของสถานีสื่อก็สามารถทำการถ่ายทอดสด หรือไลฟ์สดได้ภายนอกเขตอาคารศาล