
‘ทวี สอดส่อง’ รมว.ยุติธรรม เผย ความคืบหน้า ‘คดีฮั้วเลือกสว.’ ความผิดฟอกเงิน-อั้งยี่ ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหามาให้ถ้อยคำ ยึดหลักฐานทางวิทยาศาสตร์-เส้นทางการเงิน-ติดต่อทางโทรศัพท์ ถ้ามีความจำเป็นให้เปิดหีบบัตร ปัด เป็นเรื่องการเมือง ลั่น ถึงใครโดนดำเนินคดีหมด-ไม่มีละเว้น
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าคดีการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ในฐานความผิดฟอกเงินและอั้งยี่ ในขั้นตอนการสอบปากคำ หลังจากมีกระแสข่าวว่า ดีเอสไอส่งเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว ว่า ต้องถามพนักงานสอบสวน ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้ แต่ไม่มีปัญหาอุปสรรค ถ้ามีในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้รักษาการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ.2547 จะต้องเข้าไปแก้ปัญหาให้
ผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมภายนอกมองว่าคดีฮั้วเลือกสว.เป็นเรื่องการเมืองระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ไม่มีเรื่องการเมือง เป็นเรื่องของพยานหลักฐาน ซึ่งพนักงานสอบสวนคดีพิเศษจะทำอะไรนอกเหนือกฎหมาย ข้อบังคับและพยานหลักฐานไม่ได้ เช่นเดียวกัน บุคคลจะมีอิทธิพลเหนือกฎหมายไม่ได้
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่า ดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหากับสว. 138 คน กับ สว.สำรอง 2 คน ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ต้องไปถามดีเอสไอ ซึ่งขณะนี้กำลังทำงานหนัก โดยให้คำนึงว่า ประชาชนสนใจ ขอให้ทุกขั้นตอนมีพยานค้ำยันตามหลักวิทยาศาสตร์ เส้นทางการเงิน การใช้โทรศัพท์ติดต่อ ประกอบกับหลักเหตุผลบางอย่าง
“ยกตัวอย่าง บางคนไม่ได้ผ่านไปรอบสอง แต่มีชื่อในโพย ปรากฏว่าในรอบสอง คนที่ไม่ควรจะถูกกา เพราะตกรอบแรกแล้ว ยังมีคนกา ซึ่งถ้าจำเป็นควรจะเปิดหีบบัตร บอกไปแล้ว”พันตำรวจเอกทวีกล่าว
เมื่อถามว่า มีโอกาสที่จะแจ้งข้อกล่าวหาภายในสัปดาห์นี้หรือไม่ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ดีเอสไอรายงานมาว่าจะเร่งรัดตั้งแต่ปลายเดือนเม.ย.ถึงต้นเดือนพ.ค. ก็รอดู
เมื่อถามว่า ตอนนี้ดีเอสไอได้มีการแจ้งผู้ที่ถูกกล่าวหามาชี้แจงให้ถ้อยคำหรือยัง พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ทราบมาว่า พนักงานสอบสวนสอบไปเยอะแล้ว แต่ไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะว่าจะถูกมองว่า การเมืองเข้าไปแทรกแซง
“ผู้ถูกกล่าวหาที่จะมาให้ถ้อยคำต้องมีหมายเรียก แต่ไม่ทราบว่าจะทยอยออก หรือ ออกพร้อมกันทีเดียว ส่วนรายละเอียดว่า ออกหมายเรียกผู้ถูกกล่าวหาใครบ้าง ต้องไปถามพนักงานสอบสวน”พันตำรวจเอกทวีกล่าว
เมื่อถามว่าสอบไปถึงนักการเมืองบ้างหรือยัง พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ถึงใครก็ดำเนินคดีหมด ไม่มีใครละเว้นไปได้ ส่วนที่มีกระแสข่าวว่ามีชื่อรัฐมนตรีเข้ามาเกี่ยวข้องนั้น ไม่เคยออกมาจากปากผม
ส่วนกรณีนายณรงค์ เทพเสนา ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ทำหนังสือลับ ด่วนที่สุดที่ อจ 0018.2/3 ถึงปลัดกระทรวงมหาดไทย เรื่องรายงานเหตุกลุ่มบุคคลอ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญ และข่มขู่อดีตผู้สมัคร สว. 2 ราย นั้น พันตำรวจเอก ทวีกล่าวว่า ได้รับรายงานจากดีเอสไอว่า พนักงานสอบสวนได้ลงไปตรวจสอบที่จังหวัดอำนาจเจริญ และได้สอบพยานบุคคลไปสิบกว่าปาก ซึ่งได้ให้ความร่วมมือดี
“ประเด็นหนังสือของผู้ว่าฯ เดี๋ยวจะให้ตรวจสอบ เนื่องจากว่าโดยหลักแล้ว การสอบสวนคดีพิเศษ เรามีกฎหมายมาตรา 22 ถ้าเป็นคดีพิเศษ ผู้ว่า ฯ มีอำนาจในการสืบสวนสอบสวน ถ้าประสานงานไปต้องร่วมมือ ถ้าไม่ร่วมมือ จะมีโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปี ถึง 10 ปี อย่างไรก็ตามไม่ใช่การใช้กฎหมาย แต่ว่า ขอให้อธิบดีดีเอสไอใช้กฎหมายและข้องบังคับ เนื่องจากว่า พยานหลักฐานเท่าที่ทราบ อำนาจเจริญมีพยาน 300 กว่าปาก แต่เราไม่จำเป็นต้องสอบหมด เนื่องจากได้หลักฐานทางเอกสาร ทางวัตถุ ทางเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์ที่สามารถย้อนกลับไปถึงวันที่เกิดเหตุได้ พร้อมกับร่องรอยทางโทรศัพท์และการเงิน เป็นการสอบประกอบได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเข้าไปตรวจค้น ซึ่งได้รับการรายงานว่า ยังไม่มีอุปสรรค”พันตำรวจเอก ทวีกล่าว
เมื่อถามว่า คนที่ไปสอบปากคำเป็นเจ้าหน้าที่ดีเอสไอใช่หรือไม่ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า เป็นพนักงานสอบสวนและได้รับความร่วมมือที่ดี
เมื่อถามย้ำว่า ถ้าได้รับความร่วมมือที่ดี เพราะอะไรผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญถึงทำหนังสือถึงปลัดกระทรวงมหาดไทยว่ามีการข่มขู่ พันตำรวจเอกทวีกล่าวว่า ยังไม่มีการแจ้งมา ถ้าผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญคิดว่าเป็นการข่มขู่ให้แจ้งมา
“เท่าที่รับรายงานแจ้งว่า พนักงานสอบสวน กรมสอบสวนคดีพิเศษไปจังหวัดอำนาจเจริญ ไปตามคำเรียกร้องของพยานบางปาก ว่าเขาถูกข่มขู่จากผู้มีอิทธิพล และขอให้ดีเอสไอลงไปสอบและไม่มีเงินค่ารถที่จะขึ้นมาให้การ”พันตำรวจเอกทวีกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา