
คณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ออกประกาศหลักเกณฑ์ การเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติฯ กำหนดให้ 16 กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้ามีสิทธิเสนอชื่อ - ห้าม คณะกรรมการสรรหาฯ เสนอ ระบุเหตุผล ‘เพื่อให้การสรรหาเลขาธิการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย’ – ‘ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์’ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ โพสต์ ตั้งคำถามล็อกสเปกตั้งแต่ออกประกาศหรือไม่
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า สถาบันพระปกเกล้า เปิดรับสมัครผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเพื่อเข้ารับการสรรหาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าคนใหม่ แทนนายวิทวัส ชัยภาคภูมิ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าคนปัจจุบันที่จะครบวาระดำรงตำแหน่งในวันที่ 23 สิงหาคม 2568 โดยเปิดให้ยื่นใบสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 18 เมษายน – 1 พฤษภาคม 2568
ทั้งนี้ คณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ในฐานะรองประธานสภาสถาบันพระปกเกล้า เป็นประธานคณะกรรมการสรรหาฯ ได้ออกประกาศคณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เรื่อง การเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ที่ออกโดยที่ประชุมสภาสถาบันพระปกเกล้า โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อให้การสรรหาเลขาธิการเป็นไปด้วยความเรียบร้อย” สาระสำคัญอยู่ที่ ข้อ 1 กำหนดให้กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้ามีสิทธิในการเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า โดยสามารถเสนอชื่อได้เพียง 1 คนเท่านั้น และ ข้อ 2 คณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ไม่มีสิทธิเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า
โดย ข้อ 1.กำหนดว่า “กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้ามีสิทธิในการเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า โดยสามารถเสนอชื่อได้เพียง 1 คนเท่านั้น”

โดยประกาศดังกล่าว ได้แนบรายชื่อกรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้าที่มีสิทธิเสนอชื่อผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ไว้ในเอกสารแนบท้ายประกาศ ประกอบด้วยรายชื่อ ดังต่อไปนี้
1. นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาสถาบัน
2. นายอนันต์ แก้วกำเนิด กรรมการสภาสถาบัน
3. ว่าที่ร้อยตำรวจตรี อาพัทธ์ สุขะนันท์ กรรมการสภาสถาบัน
4. นางปัณณิตา สท้านไตรภพ กรรมการสภาสถาบัน
5. นายเลิศศักดิ์ พัฒนชัยกุล กรรมการสภาสถาบัน
6. นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ กรรมการสภาสถาบัน
7. นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร กรรมการสภาสถาบัน
8. ศาสตราจารย์พิเศษจรัญ ภักดีธนากุล กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
9. นายเทพรักษ์ เหลืองสุวรรณ กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
10. ดร.ธิติมา หล่อพิพัฒน์ กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
11. พลเอก นิพัทธ์ ทองเล็ก กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
12. นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
13. นายพินิจ จารุสมบัติ กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
14. นายมนัส แจ่มเวหา กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
15. รองศาสตราจารย์ ดร.มานิตย์ จุมปา กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
16. นายเสถียร เสถียรธรรมะ กรรมการสภาสถาบันผู้ทรงคุณวุฒิ
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2568 นายธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัยรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ และอดีตประธานสภาพัฒนาการเมือง ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ตั้งคำถาม ว่า การสรรหาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า ล็อคสเปกตั้งแต่ออกประกาศ? โดยมีบางช่วงบางตอนระบุว่า
ประกาศฉบับนี้ได้กำหนดรายละเอียดต่างๆโดยเฉพาะผู้ที่ถูกเสนอชื่อต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 5 แห่งข้อบังคับสถาบันพระปกเกล้า อาทิ มีสัญชาติไทยโดยการเกิด มีอายุไม่ต่ำกว่าสี่สิบปีบริบูรณ์(และไม่เกิน 65 ปี) กำหนดคุณสมบัติทางด้านการศึกษา ไม่เป็นข้าราชการหรือพนักงานประจำ(โดยสามารถลาออกภายหลังได้หากได้รับการคัดเลือก) ไม่เป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ไม่เป็นสมาชิกหรือผู้ดำรงตำแหน่งของพรรคการเมือง เป็นต้น
ประเด็นสำคัญที่สุด คือ ประกาศข้อที่ 1 ที่การเสนอชื่อจะต้องให้กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้ารับรองการเสนอชื่อ โดยกรรมการสภาสถาบัน(ตามรายชื่อที่ปรากฎในเอกสารแนบท้ายประกาศฯซึ่งมีทั้งหมด 16 คน)สามารถเสนอชื่อรับรองผู้สมัครได้เพียง 1 คนเท่านั้น
ถ้าจะสรุปกันให้เข้าใจง่ายๆก็คือ ผู้ที่เห็นประกาศฉบับนี้ (ซึ่งประกาศต่อสาธารณชนทั่วไป) หากเห็นว่าตนเองมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม อยากจะสมัครเข้ารับการสรรหาเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า จะต้องไปวิ่งหากรรมการสภาสถาบัน(ตามรายชื่อในเอกสารแนบท้าย ซึ่งมีทั้งหมด 16 คน)ให้คนใดคนหนึ่งลงนามรับรองการเสนอชื่อ จึงจะมีสิทธิเข้ารับการสรรหาได้
ผมส่งประกาศของคณะกรรมการสรรหาฯไปในแวดวงวิชาการ มีผู้ที่สนใจจะสมัคร แต่เขาก็มาบ่นให้ผมฟังว่า เขาไม่สามารถจะหากรรมการสภาสถาบันที่จะลงนามรับรองการสมัครได้ และมีข่าวยืนยันกันมาว่ามีการล็อคสเป็คกันมาแต่ต้นแล้วว่า ต้องการให้ใครขึ้นมาเป็นเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า
ผมจึงเห็นว่าในเรื่องราวดังกล่าวมีมูลของข้อเท็จจริงที่พอจะรับฟังได้ และจะสร้างความเสียหายแก่สถาบันพระปกเกล้าเป็นอย่างยิ่ง ในฐานะที่เป็นสถาบันทางวิชาการระดับสูง และเกี่ยวข้องกับสถาบันรัฐสภาอย่างใกล้ชิด ผู้ที่ทำหน้าที่เป็นประธานและกรรมการสภาสถาบันล้วนเป็นผู้ที่มีตำแหน่งหน้าที่ในสถาบันรัฐสภา อาทิ ประธานสภาผู้แทนราษฎรทำหน้าที่เป็นประธานสภาสถาบัน ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาสถาบัน และยังมีกรรมการโดยตำแหน่งอีกจำนวนหลายคนที่มาจากสถาบันรัฐสภา อาทิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เลขาธิการวุฒิสภา และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่มีชื่อเสียงอีกเป็นจำนวนมาก หากข้อกล่าวหาดังกล่าวมีมูลความจริง สภาสถาบันพระปกเกล้าควรรีบดำเนินการแก้ไขข้อครหาในทันที
คำถามคือทำไมไม่เปิดรับสมัครผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมเป็นการทั่วไป โดยไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้องให้มีกรรมการสภาสถาบันคนใดคนหนึ่งรับรอง เพราะในที่สุดแล้วเมื่อคณะกรรมการสรรหาฯพิจารณานำเสนอชื่อบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า(ซึ่งอย่างน้อยควรมีจำนวนไม่น้อยกว่า 2 คน)ก็จะต้องส่งให้กรรมการสภาสถาบันพระปกเกล้าพิจารณาตัดสินอยู่ดี

ผมจึงใคร่เสนอให้คณะกรรมการสรรหาฯก็ดี หรือสภาสถาบันพระปกเกล้าก็ดี รับฟังเสียงครหาและไตร่ตรองเพื่อแก้ไขปัญหาอย่างรอบคอบในฐานะที่เป็นสถาบันวิชาการระดับสูง อย่าปล่อยให้ปัญหาหมักหมม พอกพูนด้วยคำติฉินนินทา นำไปสู่การขาดความชอบธรรมขององค์กร การขาดหลักธรรมาภิบาล และในที่สุดวันหนึ่งเมื่อเจอแผ่นดินไหว ก็จะกลายเป็นตึกถล่มอย่างที่เห็นเป็นจริงในปัจจุบันนี้
อ่านประกาศคณะกรรมการสรรหาเลขาธิการสถาบันพระปกเกล้าฯ ได้ในลิงก์ : https://www.kpi.ac.th/wp-content/uploads/2025/04/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3-2568-18-%E0%B9%80%E0%B8%A1.%E0%B8%A2.-1-%E0%B8%9E.%E0%B8%84.pdf

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา