กรมที่ดินชี้แจงปมออกหนังสือแสดงสิทธิในที่พื้นที่ต้นน้ำลำธาร อ.ปากช่อง ถูกต้องตามนโยบายฯ ส่วนประเด็นนอมินีถือครองกรรมสิทธิแทนต่างด้าว ยันเดินหน้าตรวจสอบหากพบดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจพาดพิง
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า กรมที่ดิน เผยแพร่ข่าวชี้แจงกรณีการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร (WATERSHED AREA) นิคมสร้างตนเองลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา และประเด็น การถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ไว้แทนคนต่างด้าว (Nominee) หลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจพาดพิง ระบุว่า
@ ยันออกเอกสารสิทธิชอบด้วยกฎหมาย
ตามที่มีการอภิปรายในประเด็นการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในพื้นที่ต้นน้ำลำธาร (WATERSHED AREA) นิคมสร้างตนเองลำตะคอง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา นั้น กรมที่ดิน ขอชี้แจงความเป็นมา ดังนี้
พื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองตั้งอยู่ในพื้นที่ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2514 อนุมัติพื้นที่ป่าไม้ถาวร “ป่าปากช่อง – หมูสี” เนื้อที่ประมาณ 444.268 ตารางกิโลเมตร และ “ป่าโครงการรถไฟมวกเหล็ก – สีคิ้ว” เนื้อที่ประมาณ 2.400 ตารางกิโลเมตร เนื้อที่ประมาณ 280,000 ไร่ ให้เป็นพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำตะคองเพื่อจัดที่ดินทำกินให้ราษฎรผู้ได้รับผลกระทบจากการก่อสร้างเขื่อนลำตะคอง โดยกำหนดพื้นที่ Watershed Area จำนวน 3 แปลง รวมเนื้อที่ประมาณ 107,085 ไร่ เมื่อกรมประชาสงเคราะห์ได้เข้าดำเนินการจัดที่ดินให้แก่ราษฎรพบว่า มีราษฎรเข้าครอบครองทำประโยชน์ในพื้นที่ป่าไม้ส่วนกลาง 20 % เต็มพื้นที่แล้ว
ในส่วนของพื้นที่ต้นน้ำลำธารพบว่ามีราษฎรเข้าครอบครองทำประโยชน์เป็นจำนวนมาก คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติจึงได้ประชุมและมีมติเพื่อแก้ไขปัญหาการจัดที่ดินทำกินให้แก่ราษฎรโดยในช่วงปี พ.ศ. 2525 - 2527 ได้มีมติให้นำที่ดินที่ราษฎรเข้าครอบครองและอยู่อาศัยแล้วมาจัดสรรให้แก่ราษฎรอยู่อาศัยและทำกินโดยไม่ให้กรรมสิทธิ์
จนกระทั่งในการประชุมคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2537 เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2537 คณะกรรมการฯ ได้มีมติอนุมัติให้ออก น.ค. 3 ให้แก่ราษฎร และให้กันพื้นที่ต้นน้ำลำธาร (Watershed Area) รวมเนื้อที่ประมาณ 33,965 ไร่ เพื่อปลูกป่าตามโครงการปลูกป่าทดแทนและอนุรักษ์ดินและน้ำ นิคมสร้างตนเองลำตะคองได้ดำเนินการออก น.ค. 3 ในพื้นที่ต้นน้ำลำธารให้กับสมาชิกนิคมฯ และ
กรมที่ดินก็ได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินและ น.ส. 3 ก. สืบเนื่องจาก น.ค. 3 ในพื้นที่ต้นน้ำลำธารจำแนกเป็น โฉนดที่ดินจำนวน 8,738 แปลง เนื้อที่ประมาณ 39,061 ไร่ และ น.ส. 3 ก. จำนวน 1,427 แปลง เนื้อที่ประมาณ 13,118 ไร่ รวมทั้งสิ้น 10,165 แปลง เนื้อที่ประมาณ 52,179 ไร่ ไม่ได้ออกโฉนดที่ดินในบริเวณที่ถูกอภิปรายแต่เพียงพื้นที่เดียวแต่อย่างใด
ทั้งนี้ พื้นที่ต้นน้ำลำธาร(WATERSHED AREA) ในนิคมสร้างตนเองลำตะคองนั้นไม่ได้เป็นพื้นที่หวงห้ามเด็ดขาด เมื่อคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติได้ซึ่งเป็นผู้กำหนดนโยบายเกี่ยวกับที่ดินในขณะนั้นมีมติให้จัดที่ดินและออก น.ค. 3 ให้กับสมาชิกนิคมฯ ได้ สมาชิกที่ได้รับ น.ค. 3 ก็สามารถนำมาเป็นหลักฐานในการออกโฉนดที่ดินหรือ น.ส. 3 ก. ตามมาตรา 11 แห่งพระราชบัญญัติจัดที่ดินเพื่อการครองชีพ พ.ศ. 2511 โดยมีผู้ปกครองนิคมฯ ร่วมทำการรังวัดและยืนยันความถูกต้องของ น.ค. 3 ด้วย
การออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินดังกล่าวในพื้นที่ต้นน้ำลำธารของนิคมสร้างตนเองลำตะคอง จึงเป็นไปตามนโยบายการบริหารจัดการที่ดินและชอบด้วยระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ
@ ยันเดินหน้าตรวจสอบนอมินี หากพบดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในส่วนของประเด็น การถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ไว้แทนคนต่างด้าว (Nominee) กรมที่ดินขอชี้แจงว่า ปัญหาคนไทยเป็นนอมินี (Nominee) ของคนต่างด้าวเป็นปัญหาสำคัญ มีผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนคนไทย ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ และความมั่นคง โดยเฉพาะเรื่องการถือครองที่ดินหรือห้องชุดในประเทศไทย
กรมที่ดินตระหนักถึงความสำคัญและผลกระทบของปัญหาดังกล่าว จึงได้ดำเนินมาตรการหลายประการ เพื่อเป็นการป้องกันและตรวจสอบมิให้มีการถือครองที่ดินหรือห้องชุดแทนคนต่างด้าว พร้อมทั้งกำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่ถือปฏิบัติโดยเคร่งครัดเกี่ยวกับการตรวจสอบตามมาตรการป้องกันการถือครองที่ดินแทนคนต่างด้าว ไม่ว่าจะเป็น การกำหนดมาตรการในการสอบสวนกรณีการขอจดทะเบียนได้มาซึ่งที่ดินอย่างเข้มข้น โดยการสอบสวนผู้ขอได้มาซึ่งที่ดิน ให้ได้ความชัดแจ้งว่า มิได้เป็นการถือครองที่ดินห้องชุดแทนคนต่างชาติ กรณีที่บริษัทนิติบุคคลขอได้มาซึ่งที่ดิน ต้องสอบสวนผู้ถือหุ้นคนไทยในบริษัท สอบสวนที่มาของเงินที่นำมาซื้อหุ้น รวมถึงสอบสวนที่มาของเงินซึ่งบริษัทนำมาซื้อที่ดินรวมถึงได้มีการกำชับให้เจ้าหน้าที่ในสำนักงานที่ดินตระหนักถึงความสำคัญของปัญหา โดยให้ดำเนินการตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงในกรณีที่ปรากฏข้อเท็จจริงหรือข่าวสารเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว และประชาสัมพันธ์สร้างความรู้ความเข้าใจให้แก่ประชาชนโดยเร่งด่วน
นอกจากนี้ กรมที่ดินได้มีหนังสือขอความร่วมมือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ในการแจ้งและเชื่อมโยงข้อมูลผ่านระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ เกี่ยวกับนิติบุคคลที่มีเหตุสงสัยว่า จะมีพฤติการณ์ถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ไว้แทนคนต่างด้าว (Nominee) รวมถึงนิติบุคคลที่มีการเพิ่มทุนหรือเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น จนกลายเป็นนิติบุคคลที่มีลักษณะเป็นคนต่างด้าว ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. ๒๕๔๒ เพื่อจะได้นำข้อมูลดังกล่าวตรวจสอบว่า เป็นนิติบุคคลที่มีคนไทยถือหุ้น หรือถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ไว้แทนคนต่างด้าวหรือไม่
หากตรวจพบว่ามีคนไทยถือหุ้น หรือถือครองที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์ไว้แทนคนต่างด้าว (Nominee) กรมที่ดินจะดำเนินการบังคับใช้มาตรการการลงโทษโดยเด็ดขาด ทั้งการให้จำหน่ายที่ดินและดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดตามกฎหมาย