‘รังสิมันต์ โรม’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ปะทะ ‘ทวี สอดส่อง’ รมว.ยุติธรรม ปม ‘ชั้น 14’ – “ดีลปีศาจ พาพ่อกลับบ้าน” ยืนยันแทน แพทองธาร ไม่เกี่ยวข้อง อัด จินตนาการไปเอง-วาทะกรรมให้ประชาชนเข้าใจผิด
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) วันที่ 25 มีนาคม 2568 ที่รัฐสภา มีการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล รายนางสาว แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 151 เป็นวันที่สอง โดยนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นอภิปราย กรณีบุคคลในครอบครัวของนางสาว แพทองธาร พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ ชั้น14 ว่า ขออภิปรายไม่ไว้วางใจนางสาว แพทองธาร เพราะเป็นผู้รู้เรื่องดีที่สุด และมีพฤติการณ์อันไม่อาจไว้วางใจให้บริหารราชการแผ่นดินต่อไป เนื่องจากเห็นประโยชน์แก่ตนเอง บิดา ครอบครัว เหนือผลประโยชน์ส่วนรวม ส่งผลให้ขาดความเหมาะสมในการดำรงตำแหน่งผู้บริหารด้วยประการทั้งปวง
นายรังสิมันต์กล่าวว่า นอกจากนั้นนางสาวแพทองธาร ยังไร้ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ โกหก หลอกลวงประชาชน เพื่อช่วยเหลือบิดาตนเองให้ได้รับสิทธิพิเศษเหนือคนอื่นจนนำไปสู่การทำลายหลักนิติรัฐ ประชาชนเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรม
“สมคบกับพวกพ้องและนั่งร้านเพื่อสร้างระบอบอภิสิทธิ์ชนที่อยู่เหนือกฎหมาย ประเทศเสียหาย ยากเกินเยียว มากไปกว่านั้นกรณีชั้น 14 ยังมีความผิดอาญาร้าย โดยนายกรัฐมนตรีคือตัวการสำคัญ จึงขอให้สภาแห่งนี้ลงมติไม่ไว้วางใจให้พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี”นายรังสิมันต์กล่าว
@ ดีลปีศาจ - พาพ่อกลับบ้าน
นายรังสิมันต์กล่าวว่า วันที่อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมาถึงไทยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 วันนั้นคนที่เป็นนายกรัฐมนตรี คือ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตหัวหน้าคณะรัฐประหาร และคนที่กำกับกระทรวงยุติธรรมคือนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี รักษาการรรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม
“อดีตนายกรัฐมนตรีลี้ภัยไปต่างแดนกว่า 15 ปี แต่กลับมาไม่ได้ แล้วอะไรทำให้นายใหญ่อยู่ ๆ ก็ตัดสินใจกลับสู่มาตุภูมิ โดยที่พลเอกประยุทธ์ยังมีอำนาจอยู่ ไม่คิดจะรอให้นายกฯจากรัฐประหารหมดอำนาจเสียก่อน และการกลับมาครั้งนี้ง่ายดาย แปลกประหลาด เป็นเพราะดีลที่นายกฯ ไปทำมาใช่หรือไม่ จึงทำให้นายใหญ่กลับสู่ประเทศไทยได้ เป็นเพราะดีลลังกาวีใช่หรือไม่ ที่มีบิ๊กสีอะไรสักอย่างเกี่ยวข้อง นอกจากนั้นไอ้โม่ง2ตัวใจดีลดแลกแจกแถมให้บิดาของนายกรัฐมนตรีออกจากเรือนจำเพื่อรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจได้แล้ว”นายรังสิมันต์กล่าวและว่า
“วันนี้พ่อได้กลับบ้านแล้ว นี่คือดีลแลกประเทศ นายกฯสมคบให้ดีลเกิดขึ้นเพื่อช่วยเหลือพ่อตัวเองไม่ให้นอนคุกแม้แต้วันเดียว จุดเริ่มต้นคือดีลปีศาจเพื่อพาพ่อกลับบ้าน”นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าสวว่า การที่บิดาของนายกรัฐมนตรีได้รับการดูแลแบบวีวีไอพี และได้รับสิทธิพิเศษมากกว่านักโทษคนอื่น เพราะดีลต่อรองแลกประเทศโดยไม่สนใจกระบวนการยุติธรรมของนายกรัฐมนตรีใช่หรือไม่ การทำให้ครอบครัวอยู่เหนือกฎหมายจะฟื้นฟูกระบวนการยุติธรรมและความโปร่งใสได้อย่างไร การออกไปรักษาตัวของบิดานายกรัฐมนตรี หากปรากฎว่าเป็นการออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย มันไม่ต่างจากพานักโทษแหกคุก
@ ประเมินสุขภาพปลอม
นายรังสิมันต์กล่าวว่า การพักโทษกรณีพิเศษ เนื่องจากมีอายุ 70 ปีขึ้นไป ซึ่งต้องเป็นผู้ที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ หรือ ช่วยเหลือตัวเองได้แต่น้อย ในการประเมินว่าช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ต้องประเมินโดยใช้แบบฟอร์มของสาธารณสุขในการประเมิน แบบฟอร์มมีคะแนนเต็ม 20 คะแนน แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม บิดาของนายกรัฐมนตรี ได้ 9 คะแนน ซึ่งในอยู่ในกลุ่มที่สองที่วงกลมเอาไว้ (ดูภาพด้านล่างประกอบ) คือ จะต้องช่วยเหลือตัวเองได้บางส่วน มีโรคเรื้อรังหลายโรค มีภาวะแทรกซ้อน ‘ตลอดจนมีกลุ่มอาการที่มีผลต่อการเคลื่อนที่’ และการเข้าสังคม
“ประเด็นอยู่ตรงนี้ ถ้าการประเมินคะแนนไม่ชอบ ไม่ถูกต้อง เป็นการประเมินปลอม เท่ากับว่า การได้รับการพักโทษจะไม่ชอบด้วยกฎหมายทันที ซึ่งกรณีของนายใหญ่การประเมินต้องได้คะแนนไม่เกิน 9 คะแนน ถ้าช่องไหนมาก ช่องที่เหลือก็จะได้คะแนนน้อย หรือ ไม่ได้เลย เพื่อไม่ให้เกิน 9 คะแนน”นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเห็นทุกอย่าง อำพรางเพื่อให้พ่อได้รับสิทธิพิเศษเหนือกว่าคนอื่น แค่นี้ยังโกหก แล้วจะให้สภาแห่งนี้เชื่อถือและไว้วางใจได้อย่างไร
@ สร้างระบอบอภิสิทธิชน-อยู่เหนือกฎหมาย
“นายกรัฐมนตรีทราบดีว่าพ่อไม่ได้เป็นอะไรเลย และการพักโทษดังกล่าวก็เป็นการช่วยเหลืออดีตนายกฯ ท่านได้กลายเป็นนายกฯจอมหลอกลวง เป็นหัวเรือใหญ่ของคนสำคัญของการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพื่อสร้างระบอบอภิสิทธิชน ที่สามารถลอยหน้าลอยตาอยู่เหนือกฎหมายได้ ตกลงประเทศนี้ปกครองกันด้วยกฎหมายหรือไม่ มีบางคนมีอภิสิทธิ์เหนือคนอื่นหรือไม่ นายกรัฐมนตรีไม่สามารถปฏิเสธความเชื่อมโยงและการสมคบกันเรื่องชั้น 14 ได้ ซึ่งความผิดสำเร็จแล้ว เพราะท่านคือหัวหน้าของฝ่ายบริหารที่รัฐมนตรีทุกคนต้องอยู่ภายใต้นายกรัฐมนตรี”นายรังสิมันต์กล่าว
นายรังสิมันต์กล่าวว่า หนึ่งในหลักฐานสำคัญที่จะบอกว่าบิดาของนายกรัฐมนตรีป่วยเท็จ หรือ ป่วยจริง คือ เวชระเบียน วันนี้เวชระเบียนภายใต้การครอบครองของโรงพยาบาลตำรวจที่ขึ้นตรงกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติและนายกรัฐมนตรี วันนี้ยังไม่มีการจัดส่งให้กับหน่วยงานต่าง ๆ หรือ แพทยสภาก็ได้รับเพียงบางส่วน ไม่ครบ หรือเป็นเพราะไม่มีเวชระเบียนตั้งแต่ต้น หรือ กำลังทำอยู่ กำลังเขียนนิยายสุขภาพอยู่
“นายกรัฐมนตรีปฏิเสธความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ไม่ได้ และทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ ป.ป.ช. ซึ่งจนถึงวันนี้ ยังไม่ได้เรียกนายกรัฐมนตรีไปให้การ ทั้งที่เรื่องนี้นายกรัฐมนตรีรู้เห็นเกือบจะทุกเหตุการณ์ กล่าวได้ว่าคือตัวการของเรื่องนี้ องค์กร ป.ป.ช.อยู่ภายใต้การคาดหวังของสังคมอย่าให้การไปเรียนหลักสูตร บยส. 23 ที่แพทย์ใหญ่กับประธาน ป.ป.ช.ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นมาเป็นอุปสรรคต่อการทำหน้าที่ ป.ป.ช. วันนี้ ป.ป.ช.ถูกคาดหวังให้หาข้อสรุป และนำคนผิดมาลงโทษให้ได้ นายกรัฐมนตรีมีบทบาทสำคัญและอยู่เบื้องหลังมหากาพย์แห่งการหลอกลวง หากลอยนวลพ้นผิดต่อไปนี้คุกก็จะมีไว้ขังแค่คนจน”นายรังสิมันต์กล่าว
@ ปฏิเสธแทน แพทองธาร ไม่เกี่ยวข้อง
ด้าน พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง กรณีอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ไม่เกี่ยวกับนายกรัฐมนตรีแพทองธาร เพราะนายทักษิณได้รับพระราชทานอภัยโทษครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2567 ตอนนั้นนางสาว แพทองธาร ยังไม่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งมาเป็นรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2567
“นายรังสิมันต์อ้างว่า มีดีลแลกประเทศ มีดีลปีศาจ ผมไม่รู้ว่า ก้นบึ้งของจิตใจท่านหมายถึงอะไร ท่านมีอะไรอยู่ในใจ ใครคือปีศาจของท่าน เป็นวาทะกรรรม จินตนาการเอง หลังยุบสภาของรับบาลพลเอกประยุทธ์ และมีการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 พรรคที่ได้รับเลือกตั้ง สส.มากที่สุด คือ พรรคก้าวไกล ปัจจุบันคือพรรคประชาชน ในการโหวตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นหัวหน้าพรรค ได้เลือประธานสภา ซึ่งได้เสนอนายวันมูหะมัดนอร์ มะทะ เป็นประธานสภาฯ และเมื่อมาโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 13 ก.ค.66 คนที่เสนอนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรี คือ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีนางสาว แพทองธาร เป็นหัวหน้าพรรค”พันตำรวจเอก ทวีกล่าวและว่า
“เป็นดีลหรือไม่ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคร่วมฝ่ายค้านเดิมทุกคน เลือกนายพิธา ไม่อยากพูดเชิงลึก มีการบอกว่า ถ้าพรรคประชาชาติร่วมจะขอให้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม รวมถึงรองนายกรัฐมนตรีด้วย ไม่ใช่พรรคเพื่อไทยเป็นผู้กำหนดเ ราร่วมหัวจมหางกัน จนกระทั่งประเทศต้องมีนายกรัฐมนตรี บ้านเมืองต้องมีประเทศ”พันตำรวจเอก ทวีกล่าว
พันตำรวจเอก ทวีกล่าวว่า นายรังสิมันต์ต้องรู้ว่า เหตุที่นายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะอิทธิฤทธิ์ของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ให้อำนาจ สว.250 คน ร่วมเลือกนายกรัฐมนตรี จึงอยากให้เปลี่ยนความคิดว่า ไม่ใช่ดีลแลกประเทศ เป็นวาทะกรรมให้ประชาชนเข้าใจผิด
“กรณีของอดีตนายกรัฐมนตรีกลับมา ตอนนั้นยังไม่มีรัฐบาลเศรษฐาเลย ผมยังไม่รู้ว่าจะได้เป็นรมว.ยุติธรรมหรือเปล่า”พันตำรวจเอก ทวีกล่าว
พันตำรวจเอก ทวีกล่าวว่า การพิจารณาว่าการกระทำของเจ้าพนักงานชอบหรือไม่ชอบ เรามอบอำนาจให้กับองค์กรอิสระไป ซึ่งเรื่องของอดีตนายกฯทักษิณ องค์กรอิสระทุกองค์เข้ามาตรวจสอบ ป.ป.ช.เพียงรับเรื่องไว้ไต่สวน เราเตรียมการให้การกับป.ป.ช. แต่ยังไม่เรียกราชทัณฑ์เลย
“วันนี้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และในพ.ร.ป.ป.ป.ช. 2561 มาตรา 69 และมาตรา 70 เมื่อเข้า ป.ป.ช. แม้แต่กรรมการรป.ป.ช.ยังเอาเรื่องมาเปิดเผยไม่ได้ วันนี้ท่านสมมุติไปทั่วเลย ผมยืนวันว่า อดีตนายกฯทักษิณ กับบุคคลอื่น ๆ เราปฏิบัติเหมือนกัน ไม่มีดีล”พันตำรวจเอก ทวีกล่าว