‘แพทองธาร’ ชี้แจงหลากประเด็น ยันเป็นนายกฯต้องดูแลทุกคน ฝุ่น PM2.5 จริงจังตลอด ปัดซื้อไฟฟ้าเอื้อนายทุน ยืนยันฟังทุกม็อบ ดูแลทุกคนเพราะเป็นนายกฯ
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 24 มีนาคม 2568 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ในรายนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
เวลาประมาณ 21.14 น. นางสาวแพทองธารชี้แจงถึงนโยบายการแก้ปัญหาฝุ่น PM2.5 ว่า ข้อหาที่ว่าไม่จริงจังนั้น ความจริงแล้วได้ยกเป็นวาระอาเซียน วาระแห่งชาติอยู่แล้ว เพราะตอนนี้ภาคเหนือตอนบนเริ่มมีฝุ่นเข้ามาแล้ว และในเดือน พ.ค.นี้จะกลับมาเยอะอีกครั้ง ซึ่งเป็นฝุ่นจากประเทศเพื่อนบ้าน จะต้องประสานงานกันทุกระดับทั้งอธิบดี ปลัดกระทรวง และรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือไปยังประเทศเพื่อนบ้านร่วมกันไม่เผาที่เกษตร ซึ่งประเทศเพื่อนบ้านกำลังปรับแก้อยู่ เชื่อว่า จะสามรถชี้แจงเพิ่มได้
ส่วนที่กล่าวหาว่าสั่งอย่างเดียว ไม่มีใครทำ อย่าพูดแบบนั้นเลย เพราะข้าราชการทั้งประเทศไม่เกี่ยว เรื่องนี้เป็นเรื่องระดับประเทศ ข้าราชการทุกคนอยากทำเพื่อประเทศ ไม่ใช่มีแค่กลุ่มท่าน (พรรคฝ่ายค้าน) ที่อยากทำ รัฐบาลก็อยากทำ อย่าขีดเส้นกันเลย และที่ผ่านมาฝุ่นลดลงจากมาตรการต่างๆและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน รวมถึงบูรณาการการทำงานจากทุกฝ่าย ทั้งนายอนุทิน ชาญวีรกูล ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่งการ 76 จังหวัดในการยกระดับปฏิบัติการและบังคับใช้กฎหมาย ส่งผลให้การเผาในที่ดินเกษตรกรลดลง และดำเนินคดีกับผู้ที่ฝ่าฝืน 3 เดือนมีไปแล้ว 133 คดี
ขณะที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ มีการอนุมัติงบกลางเฝ้าระวังไฟป่า โดยได้คุยกับข้าราชการและอธิบดีแล้ว งบที่ปล่อยมาช่วยได้มาก เพราะมีคนเฝ้าระวัง 3,895 จุดกระจายไปทั้งกรมป่าไม้และกรมอุทยาน แต่ละจุดมากกว่าปีที่แล้ว 50% จึงสามารถควบคุมไฟป่าได้อย่างเห็นได้ชัด รวมถึงงการลาดตระเวนระดมสรรพกำลังทั้งป่าไม่ ฝ่ายปกครอง ทหาร และอาสาสมัครกว่า 18,000 คน มากกว่าปีที่แล้ว 40% และจุดความร้อนลดลงไป 30% นอกจากนี้ ยังเพิ่มประสิทธิภาพฝนหลวงให้บรรเทาปัญหาฝุ่น PM2.5 ด้วย รวมถึงมีมาตรการลดการซื้ออ้อยเผาด้วย
ส่วนกระทรวงสาธารณสุขก็มีการแจ้งเตือน รวมถึงเผยแพร่วิธีป้องกันและดูแลตัวเอง แล้วก็มีการจัดชุดดูแลสุขภาพประชาชนในพื้นที่ และมีการทำห้องปลอดฝุ่นกว่า 17,000 คน รองรับประชาชนได้ 2 ล้านคน และยังมีมาตรการตรวจควันดำมากกว่าปีที่แล้ว 7 เท่า
นายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่า เราทำให้ฝุ่นหายไปในพริบตาไม่ได้ แต่พื้นที่จุดความร้อนและพื้นที่ที่มีฝุ่นลดลงกว่าปีที่แล้ว อาจจะมีบางวันที่มากขึ้นแต่พอค่าเฉลี่ยทั้งวันก็น้อยลงต่อปีที่แล้ว อย่างน้อยก็ชี้วัดได้ว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว แล้วต้องขอความร่วมมือจากทุกภาคส่วนต่อไปด้วย เพราะปัญหาฝุ่นไม่ได้ปัญหาของรัฐบาลชุดใดชุดหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของคนไทยทุกคนที่ต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดผลในภาพรวม และถ้าฝ่ายค้านมีอะไรอยากแนะนำก็ยินดีรับฟัง
@ปัดซื้อไฟฟ้า เอื้อนายทุน
นางสาวแพทองธารกล่าวต่อว่า รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยมีการดำเนินการใดๆอย่างที่มีการกล่าวหากัน ไม่แน่ใจว่าพรรคร่วมฝ่ายค้านอภิปรายรัฐบาลชุดไหน นอกจากพูดถึงการซื้อที่ดินอัลไพน์เมื่อครั้งอายุ 11 ขวบแล้ว ทางฝ่ายค้านยังอภิปรายโดยไม่ทราบว่าพูดถึงรัฐบาลชุดไหน แต่อย่างไรก็ตามก็รับฟังทุกความเห็น และแอบคิดว่าอะไรๆก็มาลงที่ดิฉัน
ส่วนประเด็นค่าไฟที่กล่าวหาว่าเอื้อประโยชน์ให้เอกชนและพวกพ้อง นายกรัฐมนตรีชี้แจงว่า รัฐบาลชุดนี้ยังไม่เคยอนุมัติซื้อไฟฟ้าเพิ่มกับบริษัทใดๆ แม้แต่การซื้อขายไฟฟ้าจากเขื่อนของประเทศเพื่อนบ้าน ก็มีข้อมูลว่าสัญญาซื้อขายดังกล่าวทำกันมานานแล้ว และทำมาก่อนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ก็คิดว่าเป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อนและไม่ถูกต้อง
@รับฟังทุกม็อบ เป็นนายกฯต้องดูแลทุกคน
ขณะที่ประเด็นปลาหมอคางดำ นางสาวแพทองธารกล่าวว่า ที่มีการแชร์ภาพเปรียบเทียบวันที่สมาคมประมงแห่งประเทศไทยเข้าพบกับวันที่ประชาชนเอาปลาหมอคางดำมาเทบริเวณทำเนียบรัฐบาลนั้น วันนั้นมีตัวแทนจากสมาคมประมงฯมาให้ดอกไม้แล้วมาจากหลายจังหวัด ซึ่งได้ขอบคุณตนว่า มีการอนุมัติงบกลางวงเงิน 1,622 ล้านบาท เพื่อเป็นการชดเชยเรือประมงจำนวน 923 ลำจากมาตรการ IUU วันดังกล่าวไม่ใช่การแบ่งแยกว่าอะไรคือประมงพาณิชย์หรือประมงพื้นบ้าน มันไม่ใช่
อีกครั้งทุกวันอังคารที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) รัฐมนตรีทุกกระทรวงมาหมด และมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องในหลากหลายประเด็นเสมอ ซึ่งได้มีการส่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีไปรับฟังปัญหาของผู้ชุมนุม ยืนยันว่ารัฐบาลให้เกียรติพี่น้องประชาชนทุกคน ไม่มีการละเลย
“ดิฉันเองวันนี้ที่เป็นนายกรัฐมนตรี ดิฉันไม่เคยคิดว่าจังหวัดไหนต้องอะไรยังไง ทุกที่เป็นประเทศไทย ดิฉันเป็นนายกฯ ดิฉันต้องดูแลพี่น้องทุกจังหวัด ไม่ใช่เลือกว่าใครเป็นใคร มันเลือกได้เหรอคะ” นางสาวแพทองธารกล่าว
ขณะที่ประเด็นรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินและการทำทางด่วน 2 ชั้นหรือ double deck นั้น ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของฝ่ายปฏิบัติยังไม่ได้อยู่ในระดับนโยบาย ท่าน (พรรคร่วมฝ่ายค้าน) ก็ไม่ไว้วางใจกันแล้ว จริงๆก็รออีกสักหน่อย ก็เดี๋ยวจะให้นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเป็นผู้ชี้แจงในเรื่องนี้ต่อไป