
คณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ เห็นชอบหลักการ แจกเงิน 10,000 บาท กลุ่มอายุ 16-20 ปี จำนวน 2.7 ล้านคน คาดจ่ายเงินได้ไตรมาสสอง-ต้นไตรมาสสามปี 68 เตรียมเปิดลงทะเบียนกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ผ่านธนาคารของรัฐ 4 แห่ง - ไปรษณีย์ไทย
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 10 มีนาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ร่วมกันแถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 โดยมีวาระการพิจารณามาตรการแจกเงิน 10,000 บาท
นายพิชัยกล่าวว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการมาตรการเติมเงิน 10,000 บาท ครอบคลุมกลุ่มที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐที่มีอายุระหว่าง 16-20 ปี หรือ กลุ่มที่อยู่ในวัยเรียน จำนวน 2.7 ล้านคน โดยจะกำหนดกรอบจ่ายเงินในช่วงปลายไตรมาสสองหรือต้นไตรมาสสามปี 68 ส่วนกลุ่มคนที่อายุเกิน 20 ปีขึ้นไป แต่ไม่เกิน 60 ปี อยู่ระหว่างการพิจารณาลักษณะของแต่คนว่ามีเป็นอย่างไร ขณะที่กลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนจะเปิดให้ลงทะเบียนต่อไป
ด้านนายจุลพันธ์กล่าวว่าเพิ่มเติมถึงการเปิดลงทะเบียนกลุ่มคนที่ไม่มีสมาร์ทโฟนว่า จะเปิดให้ลงทะเบียนกลุ่มที่ไม่มีสมาร์โฟนทั้งหมด ไม่ใช่เพียงเฉพาะมาตรการเติมเงิน 10,000 บาทเท่านั้น เพราะจะสามารถนำข้อมูลไปวิเคราะห์และออกมาตรการช่วยเหลือประชาชนได้ในอนาคตอย่างตรงจุดและตรงเป้าหมาย ซึ่งอยากจะเชิญชวนให้มาลงทะเบียนกันจำนวนมาก ๆ เพื่อเดินหน้าเศรษฐกิจดิจิทัลและก้าวไปสู่สังคมดิจิทัลเต็มตัว
นายจุลพันธ์กล่าวว่า ส่วนกระบวนการการลงทะเบียนจะใช้ธนาคารของรัฐทั้ง 4 แห่ง ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย รวมถึงบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นผู้ดำเนินการ ส่วนกรอบเวลาเปิดให้ลงทะเบียนจะแจ้งอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า สาเหตุที่รัฐบาลจ่ายกลุ่มอายุ 16-20 ปีก่อน เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีจำนวนน้อยและใช้เงินไม่เยอะใช่หรือไม่ นายเผ่าภูมิกล่าวว่า ไม่จริง เนื่องจากกลุ่มปี 16-21 ปี เป็นกลุ่มที่ตื่นรู้ทางด้านเทคโนโลยีสูง มีความสามารถในการใช้จ่ายสูง ด้วยจำนวนเม็ดเงินที่เหมาะสม ด้วยกลุ่มที่เหมาะสม ด้วยช่วงเวลาที่เหมาะสม รัฐบาลจะเลือกกลุ่มนี้เป็นกลุ่มแรก
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า รัฐบาลเวลาจะพิจารณาว่าจะใส่เม็ดเงินแค่ไหน ช่วงเวลาไหน พิจารณาจากภาวะเศรษฐกิจที่เหมาะสม ซึ่งในปัจจุบัน ไตรมาสหนึ่ง ที่จะมีตัวเลขออกมาน่าจะดี รวมถึงไตรมาสสอง และเศรษฐกิจไตรมาสสองปลาย ๆ จะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นจึงต้องเติมเม็ดเงินลงไปเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายเผ่าภูมิกล่าวว่า เม็ดเงินที่ลงไปต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ รัฐบาลเตรียมเงินไว้กระตุ้นเศรษฐกิจ 1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเรามีช่วงเวลาที่ต้องใช้ไตรมาสสามปีนี้ ตามกรอบเวลาการใช้งบประมาณ ส่วนจะออกมาในรูปแบบไหน รัฐบาลก็จะดูให้เหมาะสมกับช่วงเศรษฐกิจ
“มีกระสุนเตรียมไว้เพียงพอ เตรียมกระสุนเตรียมไว้เยอะ รัฐบาลใช้เงินอย่างคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ในช่วงเวลาที่เหมาะสม”นายเผ่าภูมิกล่าว

Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา