
อัยการรับสำนวน 'ฆ่า สจ.โต้ง' อธิบดีฯ ลั่นสั่งคดีก่อนครบฝากขัง ไม่หวั่นอิทธิพลกดดัน ด้านกองปราบฯ มั่นใจหลักฐานแน่นมัดตัว 'สุนทร วิลาวัลย์' พร้อมลูกสมุน
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 25 ก.พ. 2568 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รองผู้บังคับการกองปราบปราม (รอง ผบก.ป.) พร้อมด้วย พนักงานสอบสวน ร่วมกันขนแฟ้มเอกสารสำนวนคดี การเสียชีวิตของ นายชัยเมศร์ สิทธิสนิทพงศ์ หรือ สจ.โต้ง ปราจีนบุรี ที่ถูก นายสุนทร วิลาวัลย์ หรือโกทร และ ลูกสมุน ใช้อาวุธปืนยิงถล่มจนเสียชีวิต จำนวน 18 แฟ้ม 7,969 แผ่น ออกเดินทางต่อไปยังสำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาภิเษก เพื่อส่งฟ้องกลุ่มผู้ต้องหาต่ออัยการ ภายหลังคดีดังกล่าวสรุปสำนวนเป็นที่แล้วเสร็จ
โดยผู้ผู้ต้องหาที่ถูกส่งฟ้องในคดีนี้มีด้วยกันทั้งหมด 8 ราย ประกอบด้วย 1.นายธนศรัณย์กรณ์ เตชะธนัตถ์โชติ 2.นายศักดิ์สิทธิ์ ชินวงษ์ 3.นายธนภัทร ส่งแสง 4.นายอภิสิทธิ์ สดชื่น 5.นายสิทธิชัย ศรีภักดี 6.นายภัทรนนท์ บุญชู 7.นายสุนทร วิลาวัลย์ และ 8. นางสาวมินช์ญารัศน์ พชระมารกุลภรรยาของ นายธนศรัณย์กรณ์
สำหรับตัวของ นายสุนทร หรือ โกทร และ ลูกสมุนกลุ่มมือปืน 7 คนแรก ที่ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ จะถูกดำเนินคดีในข้อหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง ,ร่วมกันมีอาวุธปืนและยุทธภัณฑ์(เสื้อเกราะ) โดยไม่ได้รับอนุญาต ,ร่วมกันทำลาย ซ้อนเร้นซึ่งเอกสารที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น และ ร่วมกันอั้งยี่ซ่องโจร”
มีเพียง น.ส.มินช์ญารัศน์ หรือ เมย์ ผู้ต้องหารายสุดท้าย ที่ถูกออกหมายจับเพิ่มเติมและถูกตามจับกุมตัวในเวลาต่อมา เพียงรายเดียว ที่จะถูกดำเนินคดีในความผิดฐาน “สนับสนุนช่วยเหลือบุคคลอื่นให้กระทำความผิดร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรอง”
พ.ต.อ.เอนก กล่าวว่า คดีนี้พนักงานสอบสวนได้รวบรวมเป็นสำนวนคดี 18 แฟ้ม ประกอบด้วยเอกสารหลักฐานต่างๆ 7,969 แผ่น มีการสอบปากคำพยานบุคคลและพยานแวดล้อมต่างๆมากถึง 130 ปาก โดยผู้ต้องหาที่ถูกส่งฟ้องมีด้วยกันทั้งหมด 8 คน ซึ่ง 7 รายแรกถูกดำเนินคดีในความผิดฐานร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรอง ส่วนอีกรายถูกดำเนินคดีในข้อหา สนับสนุนการกระทำผิด เบื้องต้นทั้งหมดให้การปฏิเสธ
“ส่วนตัวผู้ต้องหาที่ทำหน้าที่เป็นมือปืน จากเดิมเคยให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมว่ากระทำผิดจริง แต่ภายหลังมีการแจ้งข้อหาเป็น ร่วมกันฆ่าโดยไตร่ตรอง จึงให้การปฏิเสธ โดยรับเพียงว่าฆ่าผู้ตายจริงแต่ไม่ได้มีการไตร่ตรอง หรือเตรียมการมาก่อน ซึ่งตรงนี้เราไม่ได้กังวลเพราะมั่นใจในพยานหลักฐานที่มีอยู่ ทั้งหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล พยานแวดล้อม ที่สามารถยืนยันพฤติกรรมผู้กระทำผิดได้ว่ามีการเตรียมการวางแผนมาก่อนไม่ใช่เหตุทะเลาะวิวาทหรือเหตุซึ่งหน้าแต่อย่างใด ” พ.ต.อ.เอนก กล่าว
สำหรับ น.ส.มินช์ญารัศน์ หรือ เมย์ ผู้ต้องหารายที่ 8 ที่มีการจับกุมเพิ่มในภายหลังนั้น พ.ต.อ.เอนก ระบุว่า น.ส.มินช์ญารัศน์ หรือ เมย์ เป็นภรรยาของ นายธนศรัณย์กรณ์ หรือ กอล์ฟ มือปืน ซึ่งจากแนวทางสืบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ น.ส.มินช์ญารัศน์ จะเป็นคนคอยรายงานความเคลื่อนไหวของ นายชัยเมศร์ หรือ สจ.โต้ง ให้กับกลุ่มมือปืนที่ซ่อนตัวเพื่อรอซุ่มยิงอยู่บริเวณชั้น 2 ของตัวบ้าน
“ปัจจุบันหลังมีการโอนสำนวนคดีมาอยู่ในความรับผิดชอบของตำรวจกองปราบ ก็ได้มีการย้ายผู้ต้องหาทั้ง 7 รายแรกมาคุมขังอยู่ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ เช่นเดียวกับ น.ส.มินช์ญารัศน์ ผู้ต้องหารายล่าสุดที่ขณะนี้ถูกคุมขังอยู่ที่ทัณฑสถานหญิงกลาง” พ.ต.อ.เอนก กล่าว
พ.ต.อ.เอนก กล่าวอีกว่า สำหรับมูลเหตุทางคดีเบื้องต้นจากพยานหลักฐานที่มีอยู่เชื่อว่าเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการเมือง ส่วนเรื่องกรอบระยะฝากขังผู้ต้องหาขณะนี้ยังเหลืออีก 1 ฝาก เชื่อว่าหากแม้ทางอัยการมีความเห็นให้กลับมาสอบเพิ่มบางประเด็นก็ยังคงพอมีเวลาให้ดำเนินการแล้วเสร็จทันกรอบกำหนดฝากขังวันสุดท้าย 6 มี.ค. อย่างแน่นอน

จากนั้นพ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผู้บังคับการปราบปราม (ผบก.ป .) พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน นำสำนวนคดีมาส่งมอบให้ นายสัญจัย จันทร์ผ่อง อธิบดีการสำนักงานคดีอาญาเป็นผู้รับ
นายสัญจัย กล่าวหลังรับสำนวนตนจะตั้งคณะทำงานขึ้นมา 3 คน โดยมีรองอธิบดีอัยการและตนในฐานะอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญาคอยกำกับสำนวน ในส่วนระยะเวลาฝากขังฝากสุดท้าย ทางสำนักงานคดีอาญาจะพิจารณาทำคำสั่งให้ทันเพื่อมีคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่ง ทางเราต้องสั่งให้ทัน ในส่วนที่ว่าคดีนี้เป็นคดีสำคัญ และส่วนของผู้ต้องหาเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ ตนก็จะพิจารณาอย่างตรงไปตรงมาตามเนื้อผ้า และพยานหลักฐานที่ปรากฏ เรื่องนี้ตนยืนยันว่าไม่ต้องกังวล ส่วนเรื่องแรงกดดันจากภายนอกตอนนี้ยังไม่มีใครกดดันตนมา เเต่อัยการจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมาตามกฎหมาย
และอัยการจะดูเนื้อหาว่าคดีมีพยานหลักฐานอย่างไรบ้าง ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็มีประสานการส่งสำนวนคดีอาญาของคดีนี้เข้ามา ซึ่งแม้คดีนี้ไม่มีพนักงานอัยการเข้าไปร่วมสอบสวนและถึงจะมีคนดังก็ต้องว่าไปตามสำนวนการสอบสวน ส่วนไหนที่ไม่ชัดเจน จะมีการสั่งสอบสวนเพิ่มเติม ส่วนการสั่งสอบสวนเพิ่มจะต้องทำให้ทันภายในระยะเวลากรอบฝากขังเท่านั้น
อัยการเมื่อรับสำนวนเเล้วอ่านสำนวนจะต้องเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คดีนี้มีการฝากขังผู้ต้องหาตัวอยู่ภายใต้อำนาจศาลอยู่แล้ว ถ้าพนักงานอัยการพิจารณาแล้วมีคำสั่งฟ้อง ก็สามารถสั่งฟ้องผู้ต้องหาได้เลย แต่ต้องให้ทันก่อนวันที่ 6 มี.ค.ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของกำหนดฝากขัง และตนขอยืนยันว่าทางอัยการยืนยันจะพิจารณคดีนี้อย่างละเอียดรอบคอบที่สุดอย่างแน่นอน



Isranews Agency | สำนักข่าวอิศรา