'ผู้ว่าฯธปท.' ให้สัมภาษณ์รอยเตอร์ส คาดเศรษฐกิจไทยปีนี้อาจโตต่ำกว่า 2.9% หลังเศรษฐกิจไตรมาส 4 ปีที่แล้ว อ่อนแอกว่าที่คาด ยืนยัน 'อัตราดอกเบี้ย' ตอนนี้เหมาะสมแล้ว ยอมรับ ‘ทรัมป์’ รีเทิร์นสร้างความไม่แน่นอน แต่ยังเร็วเกินไปจะบอกถึงผลกระทบต่อไทย แจงชำระเงินด้วย 'คริปโทฯ' ควรต้องให้เห็นประโยชน์ชัดเจนก่อน
สำนักข่าวอิศรา (www.israenews.org) รายงานว่า เมื่อวันที่ 30 ม.ค. นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวรอยเตอร์ส โดยคาดการณ์ว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอาจต่ำกว่า 2.9% ในปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสที่ 4/2567 ที่ผ่านมา อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ โดยการบริโภคตกต่ำ แม้ว่ารัฐบาลจะมีมาตรการแจกเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
ก่อนหน้านี้ ธปท.คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2568 จะเติบโตที่ระดับ 2.9% ซึ่งต่ำกว่าที่รัฐมนตรีว่ากระทรวงการคลังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจปีนี้จะเติบโตที่ 3%
“ผมต้องบอกว่ามีความเสี่ยงด้านลบบางประการต่อตัวเลขเหล่านั้น" นายเศรษฐพุฒิ กล่าวและว่า เศรษฐกิจในปี 2567 อาจขยายตัวใกล้เคียง 2.7 % โดยในช่วงไตรมาส 4/2567 เศรษฐกิจขยายตัวอ่อนแอกว่าคาดไว้ แต่น่าจะสูงกว่า 3%”
"ผลกระทบของมาตรการแจกเงินและกระตุ้นเศรษฐกิจได้ผลน้อยกว่าที่ได้คาดไว้" นายเศรษฐพุฒิกล่าว พร้อมระบุว่า "เงินที่แจกไป บางครั้งถูกนำไปใช้ชำระหนี้หรือวัตถุประสงค์อื่นๆแทน ทำให้คุณไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่การบริโภค"
รอยเตอร์ส ระบุว่า คำพูดของนายเศรษฐพุฒิดังกล่าว เป็นคำกล่าวครั้งแรกของเขาในปีนี้ เกี่ยวกับมุมมองแนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจ และประสิทธิผลของนโยบายการแจกเงิน 1.4 แสนล้านบาทของรัฐบาลได้โอ้อวด
รัฐบาลไทยเตรียมเปิดตัวโครงการ 'ดิจิทัลวอลเล็ต' เฟส 3 ในเดือน เม.ย.นี้ โดยมุ่งหวังการกระตุ้นการเติบโตที่ 'สูงมาก' ในช่วงไตรมาส 1 ในขณะที่โครงการดังกล่าวเป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งของรัฐบาลที่มีการเปิดตัวเมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากเลื่อนมาแล้วหลายครั้ง
นายเศรษฐพุฒิ กล่าวว่า ธปท.ยังคงดำเนินนโยบายการเงินแบบเป็นกลาง (neutral) และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปีนี้เพิ่มสูงขึ้นแตะระดับ 1.1% ในปีนี้ ซึ่งยังอยู่ในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 1-3% แต่ ธปท.ยังคงกังวลเกี่ยวกับความผันผวนของค่าเงินบาท
“เรารู้สึกว่าใต้สภานการณ์ปัจจุบัน เมื่อพิจารณาภาพรวมทั้งหมด อัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ในการรักษาสมดุลที่เหมาะสมระหว่างปัจจัยต่างๆ อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลง เราก็พร้อมที่จะปรับเปลี่ยน” นายเศรษฐพุฒิ กล่าว
เมื่อเดือนที่แล้ว ธนาคารกลางของไทยได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับ 2.25% หลังจากสร้างความประหลาดใจด้วยการลดดอกเบี้ยนโยบายในเดือน ต.ค.2567 และจะมีการทบทวนนโยบายดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 26 ก.พ.2568
ผู้ว่า ธปท.กล่าวอีกว่า สำหรับการกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้งของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้เพิ่มความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ แต่ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าผลกระทบต่อประเทศไทยจะเป็นอย่างไร
นายเศรษฐพุฒิ ยังกล่าวอีกถึงท่าทีของ ธปท. ที่ยังลังเลถึงสกุลเงินดิจิทัลหรือว่าคริปโทเคอเรนซี ที่รัฐบาลต้องการให้มีการทดลองใช้งานที่ จ.ภูเก็ต โดยกล่าวว่าคริปโทฯนั้น ขาดเสถียรภาพด้านมูลค่า เทคโนโลยีพื้นฐานยังไม่สามารถขยายขนาดได้ดีนัก และอาจนำไปสู่ปัญหาระบบการชำระเงินที่กระจายตัว พร้อมชี้ให้เห็นว่าแพลตฟอร์มการชำระเงินดิจิทัลของไทยอย่าง “พร้อมเพย์” เป็นระบบที่ทำหน้าที่ได้ดีอยู่แล้ว
“ผมเข้าใจดีว่า ทำไมถึงมีแรงผลักดันในเรื่องนี้ แม้แต่ในสหรัฐฯ เอง เราก็เห็นความพยายามผลักดันในทิศทางนี้” ผู้ว่าธปท.กล่าวและกล่าวทิ้งท้ายว่า “แต่ประโยชน์ของการใช้งานคริปโทต้องมีความชัดเจนมาก ๆ เพราะมีความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนไปใช้ระบบดังกล่าว”
เรียบเรียงจาก:Exclusive: Thailand's economy may underperform from weak consumption, warns central bank chief | Reuters