‘จตุพร’ จับมือ กปปส.-พธม.-คปท. ยื่นหนังสือ ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาข้อกล่าวหาอธิบดีกรมราชทัณฑ์-นพ.ใหญ่ รพ.ตำรวจ พร้อม จนท.ที่เกี่ยวข้อง เหตุเอื้อย้าย ‘ทักษิณ’ จากเรือนจำไป รพ.ตำรวจโดยมิชอบ ด้าน ‘แก้วสรร’ ยืนยันตามหลักฐานและข้อกฎหมาย มีความผิดชัดเจน ขณะ เลขาฯ ป.ป.ช.แจง ตั้ง กก.ไต่สวนแล้ว
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่าเมื่อเวลา 11.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สนามบินน้ำ นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. พร้อมเครือข่ายอดีตแกนนำพันธมิตร กปปส. และเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) จำนวนหนึ่ง เดินทางมายื่นหนังสือให้เร่งรัดพิจารณาข้อกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขัง นายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ โดยมิชอบ
โดยนายพิชิต ไชยมงคล แกนนำคปท. แถลงข้อเสนอเพื่อประกอบการพิจารณา ดังนี้ ว่า
1.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่ามีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าว และยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งพิธีการทั้งหมดขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไรก็ไม่ได้รับ จึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่าพฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบ ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน
2.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษอ้างว่านักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้ แต่ปรากฏว่าหลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่า การพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย
3.เรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย โดยกฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นพิเศษ แต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์การตรวจสอบที่เคร่งครัด ปล่อยให้กระบวนการทุจริตตัดทอน โทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสาน เป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา
ด้านนายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการอิสระ กล่าวว่า จากที่เคยเป็นนักวิชาการด้านกฎหมาย และตรวจยึดทรัพย์นายทักษิณมาแล้ว มองได้ว่า งานนี้หลักฐานและข้อกฎหมายชัดเจนว่ามีมูลความผิด และตนมั่นใจในการทำงานของ ป.ป.ช. และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูกที่ควร จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่ และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน พร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณ ออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆมาลงโทษ หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขัง และหากไม่มีการขังตามหมาย ต้องออกหมายใหม่กลับไปเข้าคุก เป็นอำนาจศาลฎีกา แผนกคดีอาญาทางการเมือง ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจาก ป.ป.ช. ไปดูและวินิจฉัยได้ จุดสำคัญศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของ ป.ป.ช. เพราะคดีนี้เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณเตรียมตัวได้ พร้อมกับกล่าวย้ำว่าหาก ป.ป.ช. ทำเรื่องนี้ให้กระจ่างจะยอมกราบเลย
นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภา กล่าวยืนยันว่าที่มาวันนี้ไม่ได้ต้องการกวักมือให้ใครยึดอำนาจ ตีงูให้กากิน หรืออยากได้ตำแหน่งอะไร เพราะทุกคนก็แก่กันหมดแล้ว แต่เป็นสำนึกในการเป็นพลเมือง ที่ไม่ควรสยบยอมให้ใครคนใดคนหนึ่งกดข่มกระบวนการยุติธรรม ไม่ควรให้ใครลอยตัวอยู่เหนือโทษทัณฑ์
นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตแกนนำ นปช. ระบุว่า มาให้กำลังใจ ป.ป.ช. เพราะมีความไม่สบายใจในอนาคต และท่านทราบดี เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช. เป็นผู้ชี้มูลเอง วันนี้เรามาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช. อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน 12 คนนี้ ใครไม่ผิดคือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ดำเป็นขาว ขาวเป็นดำ แต่ต้องการมาให้ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ดีเป็นดี ชั่วเป็นชั่ว ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวนวันนี้ยังไม่ไว้ใจจนกว่าท่านจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต ถึงวันนั้นตนและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้ง
นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช. ไม่ต้องการเห็นขนมจีน เวชระเบียน ป.ป.ช. ไม่มีปัญหาเรียกมาใช่หรือไม่ กรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่ มีการขอไปยัง รพ.กรมราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ ไม่ได้ล้วงความลับผู้ป่วย ซึ่งการจะอ้างเป็นความลับ ป.ป.ช. สามารถขอเรื่องการทำหน้าที่ว่าได้ปฏิบัติตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157 หรือไม่ หากโรงพยาบาลตำรวจไม่ให้เวชระเบียน ป.ป.ช. ต้องดำเนินคดีตั้งแต่ ผบ.ตร., รพ.ตำรวจ แม้กระทั่งผู้บังคับบัญชาของ ผบ.ตร. คือ นายกรัฐมนตรี
ด้าน นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้ตั้งคณะกรรมการไต่สวนบุคคลที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้แล้ว และทางคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชัดเจนว่าหากพบบุคคลอื่นที่มีส่วนร่วมกระทำความผิด ก็ให้ดำเนินการไต่สวนต่อไปด้วย ดังนั้นไม่ต้องกังวล เราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ตามความคาดหวังของประชาชน และตามมุ่งหมายของรัฐธรรมนูญ และขอยืนยันว่าทาง ป.ป.ช. เราทำงานตามพยานหลักฐานเป็นหลัก ทำให้บางเรื่องบางอย่างอาจไม่ตรงตามใจของประชาชน แต่การพิจารณาของเราต้องดูพยานหลักฐาน ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับสิ่งที่ไต่สวน จะรวบรวมมาพิจารณา เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และพร้อมเป็นเสาหลักในกระบวนการยุติธรรมของบ้านเมืองต่อไป
รายงานข่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับบุคคลที่ร่วมลงชื่อในหนังสือดังกล่าว พร้อมภาคประชาชน ประกอบด้วย
1.นายแก้วสรร อติโพธิ
2.นายขวัญสรวง อติโพธิ
3.รองศาสตราจารย์ ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ
4.รองศาสตราจารย์ ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
5.นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
6.นายคมสัน โพธิ์คง
7.นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม
8.นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์
9.พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม
10.นายสมชาย แสวงการ
11.นายประพันธ์ คูณมี
12.นายประสาร มฤคพิทักษ์
13.นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์
14.นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ
15.นายปรีดา เตียสุวรรณ์
16.นายสนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม
17.นายแซมดิน เลิศบุศย์
18.นายสาวิทย์ แก้วหวาน
19.นางสาวเสน่ห์ หงส์ทอง
20.นางสาวนีรนุช จิตต์สม
21.นายมานพ เกื้อรัตน์
22.นายจตุพร พรหมพันธุ์
23.นายอานนท์ กลิ่นแก้ว
24.ดร.ใจเพชร กล้าจน
25.นายพิชิต ไชยมงคล
26.นายนัสเซอร์ ยีหมะ
27.นายสอและ กูมุดา
28.นายนิติธร ล้ำเหลือ